If-Clause หรือ Conditional clause หรืออาจเรียกว่า If-Sentence หรือ Conditional Sentence หมายถึงประโยคที่แสดงหรือกำหนดเงื่อนไข หรือประโยคที่มีการคาดคะเนว่า ถ้ามีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็จะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งตามมา ในประโยคเงื่อนไข (If-Clause) จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1.ส่วนที่เป็นเงื่อนไข (If-Clause)
2.ส่วนที่เป็นหัวข้อหลัก (Main clause)
ตัวอย่างประโยค
If-Clause | Main clause |
If it rains,
If he is ready, If you drop a glass, |
I will stay at home.
he can leave now. it breaks. |
ข้อสังเกต ในการเขียนประโยค If-Clause สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ นำเอาประโยคเงื่อนไขหรือ If-Clause วางไว้ข้างหน้าและจะต้องมีเครื่องหมาย comma คั่นประโยค If-Clause แล้วตามด้วย main clause อีกแบบหนึ่งคือ นำเอาประโยคที่เป็นข้อความหลักหรือ main clause วางไว้ข้างหน้าแล้วตามด้วยประโยค If-Clause ซึ่ง if จะเป็นตัวเชื่อมอยู่ตรงกลางประโยค ดังนั้นจึงต้องไม่มีเครื่องหมาย comma คั่นประโยค ตัวอย่างเช่น
- If he hurried, he would be in time.
- He would be in time if he hurried.
If-Clause แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้
1.เงื่อนไขที่เป็นจริงหรือเป็นไปได้ (Present Conditional) ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 นี้ จะใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริง หรือเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ภายใต้เงื่อนไขกำหนด ซึ่งสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
*ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงและผลที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นนั้นเสมอโดยไม่มีข้อ
ยกเว้น เช่น สิ่งที่เป็นจริงตามธรรมชาติหรือเป็นกฎตายตัว รูปกริยาที่ใช้คือ
ตัวอย่างประโยค
- If water boils, it changes into steam.
- You get 7 if you add 3 to 4.
- If the sun doesn’t shine, all animals die.
*ประโยคเงื่อนไขธรรมดาซึ่งผู้พูดเชื่อว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นอย่างที่สมมติ
หรือผู้พูดสมมติขึ้นมาลอยๆ ไม่มีความแน่ใจอะไรเป็นพิเศษ รูปกริยาที่ใช้คือ
ตัวอย่างประโยค
- If you die too fast, you well get killed.
- The teacher will punish him if ha talks in class.
- If you study hard, you will succeed.
*ประโยคเงื่อนไขที่เป็นคำสั่ง รูปกริยาที่ใช้คือ
If + present, + imperative หรือ Imperative + and + future
ตัวอย่างประโยค
- If you see him, tell him to visit me.
- Don’t smoke a cigarette if you are sick.
- Give us tools and we will finish be work.
- Reserve the seat and you won’t be disappear pointed.
หมายเหตุ รูปกริยาที่เขียนๆไว้ในกรอบว่า Present นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็น present sample (v1) เสมอไป อาจเป็น present perfectหรือ present continues ก็ได้ ขึ้นอยู่กับใจความที่ผู้พูดต้องการพูดเป็นหลัก ส่วน future ก็เช่นเดียวกัน จะเป็น future ใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับความหมายของประโยค และนอกจากจะใช้ will หรือ shall แล้ว เรายังสามารถใช้กริยาตัวอื่นที่เทียบเท่ากับ will หรือ shall ได้อีก คือ can, many, should, have to, ought to ตัวอย่างเช่น
-If my dog has seen a stranger, it will give beaks.
(ประโยค If-Clause ใช้กริยารูป present prefect)
- If he begin early morning, he will have finished by noon.
(ประโยค main clause กริยาเป็นรูป present perfect)
- If he comes, I can speak to him.
- If Sally works harder, she may get promoted.
- You ought to tell John the truth if he comes.
(ทั้งสามประโยคนี้ในประโยค main clause ใช้ can, may, และ ought to แทนwill ในความหมายที่เป็น future)
2.ประโยคเงื่อนไขที่ปัจจุบันไม่เกิดขึ้นจริง (Present Unreal) เป็นเงื่อนไขหรือการสมมติเหตุการณ์ทีเป็นไปไม่ได้หรือไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือเป็นเรื่องที่ผู้พูดสมมติขึ้นหรือตั้งเงื่อนไขที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน รูปกริยาที่ใช้คือ
would
could
If + past, + might +V1
should
ตัวอย่างประโยค
– If I were a bird, I would be very happy.
(เป็นประโยคสมมติที่เป็นไปไม่ได้ (ที่คนจะเป็นนก))
- If would go abroad if I had a lot of money.
- You could go out if it stopped snowing.
- If I were you, I wouldn’t accept the plane.
ข้อสังเกต
1.กริยาในประโยคเงื่อนไขหลัง if ถ้าเป็น verb to be นิยมใช้ were เสมอ ไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ตาม
2.ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 นี้อาจละ if แล้วกริยาไปไว้หน้าประธานได ตัวอย่างเช่น
- Were I you, I wouldn’t accept the plan.
3.ประโยคเงื่อนไขซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริง (Past Unreal) การสมมติแบบนี้ใช้เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว และผู้พูดก็ทราบว่าเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร แต่ผู้พูดนำมาพูดสมมติเสียใหม่ ซึ่งจะตรงข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต รูปกริยาที่ใช้คือ
would
should
If + past prefect, + could + have + V3
might
ตัวอย่างประโยคตัวอย่างประโยค
- If she had been there, she would have seen the
accident.
- They should have got to school in time if they had left early.
- If he had seen her, he might have known the truth.
- John might not have had an accident if he hadn’t driven too fast.
หมายเหตุ If clause แบที่ 3 ถ้าผู้พูดต้องการให้มีความหมายถึงความต่อเนื่องจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันอาจจะใช้ past prefect continues แทน past perfect ใน If-sentence ก็ได้ ตัวอย่างเช่น
- If he had been studying hard, he wouldn’t have failed.
(ถ้าเขาเรียนหนักมาตลอดเขาคงไม่สอบตก แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ เขาไม่ได้เรียนหนักมาตลอด เขาจึงสอบตก)
♠ คำที่ใช้แทน If หรือเทียบเท่า If
ในประโยคIf-clause ทั้งสามแบบที่กล่าวมาแล้ว นอกจากจะใช้คำว่า If แล้วเรายังสามารถใช้คำอื่นๆแทนได้อีก โดยมีวิธีการใช้เช่นเดียวกับ If ทุกประการ คำเหล่านั้นได้แก่
- unless = ถ้า…ไม่, เว้นแต่, นอกจาก (= if…not) ตัวอย่างเช่น
– Unless there is some rain, the flowers will die.
– Peter will miss the bus unless he runs.
- even if = แม้ว่า ตัวอย่างเช่น
- Even if I had no money, I wouldn’t borrow any from my friends.
- Mary never hurried even if she is very late.
- suppose/supposing(that) =ถ้าสมมติว่า ตัวอย่างเช่น
- Supposing Ladda asked a stupid question, would you be angry.
- Provided (that) = ในกรณีที่ ตัวอย่างเช่น
– I will go provided my expenses are paid.
- On condition (that) = ในกรณีที่ ตัวอย่างเช่น
- You can go swimming, on condition that you don’t go too far.
- In case = ในกรณีที่ ตัวอย่างเช่น
- In case I forget, please remind me of my promise.