Passive Income คืออะไร?
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเจ้า Passive Income นี้มันคืออะไร? แล้วมันแตกต่างจากรายได้ที่เรารับมาประจำยังไงล่ะ? ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าวิธีสร้างรายได้นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่
Active Income หมายถึง รายได้ที่เราต้องลงทุนลงแรงในการทำงาน และเมื่อเราหยุดทำ รายได้จากตรงนี้ก็จะหายไป เช่น งานประจำที่คุณกำลังทำ งานค้าขาย หรืองานรับจ้างใดๆ ก็ตาม
Passive Income หมายถึง รายได้ที่เราลงทุนลงแรงไปในระยะแรก แต่มีรายได้กลับมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้เข้าไปดูแลอะไรมากก็ยังมีรายได้จากส่วนนี้อยู่ หรือเรียกแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ใช้เงินทำงานแทนคุณ
มาดูกันดีกว่าว่าช่องทางในการสร้าง Passive Income นั้นมีอะไรบ้าง
1. อสังหาริมทรัพย์
ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเช่าที่ดิน สร้างหอพัก หรือปล่อยเช่าบ้าน ก็ถือว่าเป็น Passive Income ที่ทำได้ง่ายและสร้างรายรับได้มาก แต่ต้องแลกมาด้วยการลงทุนที่สูง เพราะอสังหาริมทรัพย์สมัยนี้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็เป็นผลดีหากคุณรีบซื้อไว้ตั้งแต่ตอนนี้ เมื่ออนาคตต้องการขายก็สามารถสร้างผลกำไรให้คุณได้มากเช่นกัน
2. สร้างสื่อออนไลน์
ทุกคนน่าจะรู้จักเว็บไซต์อย่าง Facebook หรือ Youtube กันอยู่แล้ว หากลองสังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่าทั้งวีดีโอหรือสื่อต่างๆ จะมีโฆษณาสอดแทรกอยู่เต็มไปหมด โดยโฆษณาเหล่านี้มาจากบริษัทต่างๆ จ้างให้ผู้ผลิตสื่อแทรกลงไป โดยจะให้เงินตอบแทนตามจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งคุณก็สามารถมี Passive Income จากการสร้างสื่อออนไลน์เหล่านี้ได้เช่นกัน
3. ผลตอบแทนจากกองทุนหุ้น / กองทุนรวม
หากคุณมีเวลาศึกษาหาความรู้มากพอ ผลตอบแทนจากกองทุนหุ้น และกองทุนรวมนับว่าเป็นที่น่าสนใจมากเช่นกัน โดยจะมีเงินปันผลแบ่งให้คุณทุกๆ ปี ถ้าคุณสามารถเลือกลงทุนได้ถูกจุด เงินปันผลรายปีนั้นก็มีเพียงพอให้คุณจับจ่ายใช้สอยได้อย่างไม่ขัดสนเลยทีเดียว
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 3-5 ปีเป็นบวกสม่ำเสมอ
- ความเสี่ยงไม่สูงกว่ากองทุนหรือหุ้นประเภทเดียวกัน
- ทีมบริหารมีประสบการณ์สูง มีความน่าเชื่อถือ
- เป็นหุ้นที่มีเทรนด์ขาขึ้นในตลาด หรือเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดที่แนวโน้มดี
4.ทำเว็บไซต์ ให้เช่าพื้นที่โฆษณา
สำหรับคนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองอยู่แล้ว สามารถหารายได้เสริมจากการให้เช่าพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ ที่นิยมกันทั่วไปก็จะเป็นระบบ Google AdSense ที่ Google จะเช่าพื้นที่หน้าเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่โฆษณาแบนเนอร์ต่าง ๆ เมื่อมีคนคลิกโฆษณานั้น ก็จะแบ่งรายได้ให้เจ้าของเว็บไซต์ตามจำนวนยอดคลิก
5.ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี่
สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ต้องอาศัยการเข้ารหัส โดยคำว่า “Crypto” หมายถึง การเข้ารหัส ส่วนคำว่า “Currency” หมายถึง สกุลเงิน ทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินดิจิทัลที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นสกุลเงินในอนาคต ที่จะเข้ามามีบทบาทในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกัน
เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เก่าแก่ที่สุด โดยมีอายุกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งความสำเร็จของ Bitcoin นำไปสู่การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมาย ของ Cryptocurrency ซึ่งปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 10,000 สกุลแล้ว
แม้ว่า Cryptocurrency เกือบทั้งหมดจะทำงานบนพื้นฐานของการ “กระจายศูนย์” ซึ่งไม่มีใครควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จและมีความโปร่งใสมาก แต่สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในการเทรด มีอยู่เพียง “หลักสิบ” เท่านั้น ซึ่งตัวที่เป็นที่นิยมได้แก่
1. Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เก่าแก่ที่สุด
2. Bitcoin Cash หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Altcoin” เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้งานได้ในลักษณะเดียวกับ Bitcoin โดยตัวของ Bitcoin Cash ก็เปรียบเสมือนลูกของ Bitcoin นั่นเอง แต่เพิ่มความสามารถของแต่ละ Blockchain ให้สูงขึ้น
3. Ethereum ในปัจจุบันคือคู่แข่งหลักของ Bitcoin โดยข้อได้เปรียบมาก ๆ ของ Ethereum คือการที่ตัวมันสามารถใช้เป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” สำหรับองค์กรอื่น ๆ ที่จะนำระบบของ Ethereum ไปประยุกต์หรือสร้าง Blockchain ของตัวเอง
4. Litecoin เป็น Cryptocurrency ที่สร้างขึ้นในปี 2011 มีความคล้ายกับ Bitcoin อย่างมากในทางเทคนิค
ขอบคุณข้อมูล https://www.tidlor.com/