เป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้หลายคน เพราะรบกวนได้ทั้งบริเวณผิวหน้า ผิวกาย รวมไปถึงแผ่นหลัง ทำให้ขาดความมั่นใจ ใครที่กำลังประสบปัญหานี้
สิวที่หลังเกิดจากอะไร
ในชั้นใต้ผิวหนังของคนเรามีต่อมน้ำมันทำหน้าที่ผลิตน้ำมันที่เรียกว่า “ซีบัม” ซึ่งจะถูกส่งผ่านท่อเล็กๆ ขึ้นมาสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและเส้นผม ซึ่งเมื่อเซลล์ผิวหนังที่ตายหรือเสื่อมสภาพไปรวมกับน้ำมันชนิดนี้ จะทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนขึ้นมาได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบจนเป็นหนอง บวมแดง และกลายเป็นสิวที่หลังในที่สุด หรือบางครั้งสิวที่หลังก็เกิดจากต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป โดยมีหลายสาเหตุที่กระตุ้นให้ต่อมน้ำมันทำงานมากขึ้นได้ ดังนี้
- กรรมพันธุ์ หากสมาชิกในครอบครัวเคยประสบปัญหาสิวมาก่อน ก็มีแนวโน้มที่คุณจะมีปัญหาสิวที่หลังเช่นกัน
- ฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นหรือในช่วงที่กำลังมีประจำเดือน รวมถึงภาวะการตั้งครรภ์ ซึ่งจะส่งผลให้ฮอร์โมนเพศกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำมันให้มากขึ้น
- ความเครียด เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวที่หลังได้ แต่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวโดยตรง
- อาหาร การรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง จะกระตุ้นต่อมน้ำมันใต้ผิวหนังให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น รวมถึงการรับประทานอาหารพวกแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป
- เหงื่อ ผู้ที่มีเหงื่อออกเยอะหรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดี จะทำให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคลบริเวณแผ่นหลัง และกลายเป็นสิวที่หลังที่หลังอย่างรุนแรงในที่สุด
- ยารักษาโรค การใช้ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้เกิดสิวได้ เช่น ยารักษาอาการซึมเศร้า เป็นต้น
สิวที่หลัง มีวิธีรักษาอย่างไร
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพบว่าเป็นสิวที่หลัง คือทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวอย่างอ่อนโยน จากนั้นแต้มด้วยยารักษาสิวประเภทกรดซาลิไซลิก เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ หรือรีซอร์ไซนอล เพื่อลดการแพร่กระจายหรือลุกลามของสิว
ที่สำคัญ ไม่ควรบีบหรือแกะสิวที่หลัง เนื่องจากจะทำให้เป็นแผลและอาจเกิดการติดเชื้อจนทำให้สิวลุกลามได้ หากแต้มยารักษาสิวแล้วไม่ได้ผลหรือมีอาการแย่ลง ควรไปพบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวที่หลัง แล้วรับการรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยยารับประทาน เช่น ยาปฎิชีวนะ และยาคุมกำเนิด หรือใช้ยาทาที่มีความเข้มข้นมากขึ้นในขั้นตอนต่อไป
วิธีป้องกันสิวที่หลัง
สิวที่หลังเป็นปัญหาผิวพรรณที่เราป้องกันได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากสาเหตุของการเกิดสิวมีทั้งปัจจัยที่เกิดจากภายนอกและภายในร่างกาย สิ่งที่คุณทำได้คือการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวที่หลัง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางประการ
- อาบน้ำทุกครั้งที่มีเหงื่อออกมากๆ หลังออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เรียกเหงื่อ ควรรีบอาบน้ำชำระร่างกายทันที ไม่ควรปล่อยให้เหงื่อหมักหมมอยู่บนผิวหนังเป็นเวลานานๆ หากเป็นคนที่มีเหงื่อออกเยอะอยู่แล้ว ควรอาบน้ำทันทีที่มีเหงื่อออกมาก และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อน
- สครับผิวอย่างสม่ำเสมอ ใช้สมุนไพรขัดผิวกายนำมาขัดที่หลัง สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างหรืออุดตันในรูขุมขน รวมถึงเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ แต่ควรขัดอย่างเบามือและไม่ทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้ผิวแห้งได้
- สวมใส่เสื้อผ้าที่บางเบา และหลีกเลี่ยงการสะพายกระเป๋า ควรใส่เสื้อผ้าที่หลวม ใส่สบาย และสามารถระบายอากาศหรือระบายเหงื่อได้ดี หลีกเลี่ยงเสื่อผ้าที่รัดแน่นหรือพอดีตัวเกินไป และการสะพายกระเป๋า เนื่องจากจะทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวหนังและเป็นสาเหตุให้เกิดสิวที่หลังตามมาได้
- เลือกครีมกันแดดคุมมัน ครีมกันแดดบางยี่ห้อมีส่วนประกอบของน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการอุดตันจนเป็นสิวที่หลัง จึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีเนื้อบางเบาและปราศจากน้ำมัน จะช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนได้พอสมควร
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ เพื่อรักษาสมดุลภายในร่างกาย และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้งหรือไขมันสูง
- ดูแลความสะอาดของเส้นผม สาวๆ ที่มีผมค่อนข้างยาวควรรักษาความสะอาดของเส้นผมอยู่เสมอ อาจมัดหรือรวบผมเพื่อไม่ให้มาสัมผัสที่แผ่นหลังบ่อยๆ เพราะน้ำมันและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามเส้นผมอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หลังได้นั่นเอง
หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้อย่างสม่ำเสมอ สิวที่หลังย่อมลดลงได้อย่างแน่นอน
Amanda Barrell, How to get rid of acne on the back (https://www.medicalnewstoday.com/articles/318548.php)