บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ ได้เปิดเผยรายงาน 7 แนวโน้มเทคโนโลยีมาแรงปี พ.ศ.2562
1.ข้อมูลปลอมล้นทะลัก
ในช่วงปีที่ผ่านมา ประเด็นการใช้ประโยชน์ทางลบของโซเชียลมีเดียและ AI ได้รับการจับตามองจากสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ดีพเฟก” (Deepfake) หรือรูปแบบของข้อมูลปลอมที่แพร่กระจายทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งคาดว่าในปี 2562 จะเกิดเนื้อหาประเภท “ดีพเฟก” มากขึ้น เนื่องจากการทำงานของโมเดลอัลกอริธึมที่เรียกว่า GANs ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นและเรียนรู้เร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคอย่างมากในอนาคตต่อกแยกแยะระหว่างข้อมูลจริงกับข้อมูลปลอมในโลกดิจิทัล
ทั้งนี้ ดีพเฟกจะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลมากขึ้นในการรณรงค์หาเสียง ซึ่งจะเข้ามาปั่นป่วนและให้ข้อมูลเท็จต่อสาธารณชน โดยในปี 2562 ที่จะถึงนี้ ประเทศมหาอำนาจถึง 2 ประเทศ ได้แก่ อินเดียและสหรัฐอเมริกา มีกำหนดจัดการเลือกตั้งและเริ่มรณรงค์หาเสียงประธานาธิบดี
นอกจากนี้ ในปี 2562 จะเริ่มเห็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โอเปอเรเตอร์และหน่วยงานกำกับดูแลจริงจังกับการกำจัดและสร้างภูมิคุ้มกันในการต่อกรกับดีพเฟกคอนเทนต์มากขึ้น
2.AI จะถูกกำหนดด้วยกรอบจริยธรรม
การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ได้เกิดการใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในภาคธุรกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่อการใช้ชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี AI โดยในปี 2562 จะมีการตรวจสอบการใช้งาน AI จากสาธารณะมากขึ้น ตลอดจนการกำหนดกรอบการใช้งานของ AI โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะมีการร่วมกันจัดตั้งกรอบธรรมาภิบาลและจริยธรรมในการใช้ AI เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีแนวปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณ
การกำหนดกรอบการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจต่อสาธารณะในการใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง โปร่งใส ติดตามได้ และมั่นคง นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าในเวทีโลกจะมีการอภิปรายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์ของ AI ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในทางการเมือง การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางด้าน AI ตลอดจนการลงทุนในเครื่องมือและระบบที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จาก AI
“กรอบจริยธรรมอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเห็นได้จากการพัฒนาระบบนิเวศของ AI ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและจีน ขณะที่ในภูมิภาคที่มีการกำกับอย่างยุโรปพัฒนาได้อย่างช้ากว่า อย่างไรก็ตาม กรอบธรรมาภิบาลถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างยั่งยืน ซึ่งสุดท้ายแล้ว กรอบทางจริยธรรมที่กำหนดขึ้นจะช่วยทำให้เกิดความมั่นคง ความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
3.เกิดเมืองจำลอง 5G ขึ้นทั่วโลก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี 5G อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาระบบ คลาวด์เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีทดสอบคลื่น 5G การพัฒนาแนวทางการใช้ประโยชน์จาก 5G เช่น การแสดงโดรนในพิธีเกิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ และในปี 2562 นี้ จะเริ่มเห็นเมืองจำลองที่ใช้สำหรับดำเนินโครงการนำร่องเพื่อทดลองการใช้ประโยชน์จาก 5G ในภูมิภาคต่างของโลก ทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชีย
ตะวันออกไกล
นอกจากนี้ ในปี 2562 จะเป็นปีที่คนในสังคมจะได้รับรู้และสัมผัสถึงความเป็นสังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง ตัวอย่างที่เมืองคองสเบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ ที่มีการนำร่องทดลอง 5G ในขณะนี้ หลังจากที่มีการพูดถึงสังคมดิจิทัลอย่างแพร่หลาย ทั้งในฝั่งผู้ให้บริการ หน่วยงานภาครัฐและธุรกิจในช่วงปีที่ผ่านมา
แม้ 5G คาดว่าจะมีการกำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการในปี 2563 แต่ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่หนุนให้เกิด 5G ขึ้นอย่างเต็มศักยภาพจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางด้านการตลาดและการรับรู้ของ 5G ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไร้คนขับ รถบัสควบคุมทางไกล การทำประมงด้วยระบบอัตโนมัติ การผ่าตัดทางไกล โครงการนำร่องต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ 5G จะเริ่มเกิดขึ้นในปี 2562 เพื่อเตรียมพร้อมสู่การให้บริการทางพาณิชย์ในปี 2563
4.IoT จะเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรม
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง หรือ IoT ที่เริ่มมีการใช้ในภาคอุตสาหกรรมจะเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากห้องทดลองสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น ด้วยเครือข่ายแบบ LPWA หรือการสื่อสารแบบไร้สายทางไกลพลังงานต่ำ ซึ่งออกแบบมารองรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (M2M) เน้นรับส่งข้อมูลจำนวนไม่มากนักและใช้พลังงานต่ำ ทำให้การใช้งานมีความยาวนานมากกว่าการใช้ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เอื้อต่อการใช้ประโยชน์ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น เช่น การบริหารเมืองอัจฉริยะ ภาคอุตสาหกรรม และแอปพลิเคชันเชิงพาณิชย์ เช่น การติดตามระบบขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ การทำประมง และการควบคุมจราจร
ในส่วนของระบบหลังบ้านนั้น เริ่มมีความชัดเจนขึ้นถึงการใช้ประโยชน์ของระบบการสื่อสารต่างๆ ต่อการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ระบบ LTE เหมาะกับการใช้กับระบบกล้องวงจรปิดและระบบการสื่อสารภายในรถยนต์ ขณะที่ LTE-M เหมาะกับการใช้ในระบบขนส่ง ส่วน NB-IoT ใช้สำหรับการวัดเซ็นเซอร์ ซึ่งการพัฒนาของ LWPA จะยังคงมีขึ้นและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในปี 2562
5.”แช้ตบอต” ผู้ช่วยคนต่อไปในบ้านคุณ
ในช่วงปีที่ผ่านมา การพัฒนาของระบบผู้ช่วยส่วนตัวจะมาในรูปแบบของแช้ตบอตผ่านการพิมพ์ผ่านตัวหนังสือ แต่ในปี 2562 นี้ จะเห็นการพัฒนาและการใช้แช้ตบอตที่ผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียงมากขึ้น และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ในบ้าน ทำให้การสั่งงานอุปกรณ์ภายในบ้านต่างๆ สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านแช้ตบอตที่อยู่ในบ้าน เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ทำให้ชีวิตในบ้านง่ายดายมากยิ่งขึ้น และเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์ล้ำสมัยที่สามารถสั่งการผ่านแช้ตบอตได้นั้น จะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ภายในบ้านทั่วโลกในปีหน้าอย่างแน่นอน
6.โทรศัพท์ฝาพับจะกลับมา
ความกังวลของผลกระทบต่อการใช้เวลากับจอสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกำลังเป็นที่อภิปรายมากขึ้นในสังคม โดยคาดการณ์ว่าในปี 2562 การพัฒนาแอป หรือเครื่องมือที่ติดตามการใช้งานจอ การเปิดโหมดป้องกันการรบกวนในเวลากลางคืนจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากแอปและซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดแล้ว ผู้พัฒนาดีไวซ์หรือโซเชียลมีเดียนั้นๆ จะเพิ่มฟังก์ชันให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้เอง ขณะที่กระแส “เขตปลอดการใช้มือถือ” จะกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม เช่น การห้ามใช้มือถือระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวหรือเพื่อน และการงดใช้มือถือระหว่างประชุม กระแสดังกล่าวจะเริ่มปรากฏและถูกรณรงค์โดยผู้ให้บริการ เพื่อสร้างการรับรู้
ด้วยเหตุนี้ ทำให้โทรศัพท์แบบฝาพับจะได้กลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มติดจอ โดยโทรศัพท์แบบฝาพับจะสามารถรองรับได้ 2 ซิม ทั้งซิมที่เน้นเฉพาะดาต้าสำหรับเล่นอินเทอร์เน็ตและซิมที่เน้นการโทร ซึ่งย้อนกลับไปสู่ยุคที่โทรศัพท์ฝาพับยุคอนาล็อกเคยได้รับความนิยมในอดีต
7.กระแสกรีนเทคแรงขึ้น
จากการที่คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ออกโรงเตือนถึงความร่วมมือในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้ความกังวลและการรับรู้ของผู้คนในสังคมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสูงขึ้น ทำให้กระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยี (Green tech) จะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้ชีวิตอย่างฉลาดขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ตัวอย่างที่นครออสโล เมืองต้นกำเนิดของเทเลนอร์ได้เป็นผู้นำของการพัฒนาและอาศัยศักยภาพเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน การใช้สินค้าและบริการของเทคโนโลยีที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคก็มีความนิยมสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น แอป Too Good To Go ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยลดปริมาณขยะอาหาร (food waste) การแบ่งรถยนต์ใช้ (car sharing) หรือแม้แต่การใช้บริการส่งอาหารที่ใช้จักรยานเท่านั้น
กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนอร์เวย์สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยข้อมูลระบุว่า 30% ของรถยนต์ออกใหม่ในนอร์เวย์เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สอดรับกับนโยบายภาษีและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่มีการจัดเก็บสูงขึ้นสำหรับสินค้าและบริการที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในนอร์เวย์ ซึ่งการเปลี่ยนผ่านโดยภาพรวมเป็นผลมาจากความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ผู้พัฒนาเทคโนโลยี ผู้บริโภคและแรงกดดันจากสังคม ซึ่งองค์ประกอบทั้ง 4 ส่วนนั้นล้วนเป็นแรงผลักดันที่ก่อให้เกิดกระแส Green tech ที่นอร์เวย์ในปี 2019.