แจ็ค หม่า มีชื่อจริง ๆ ว่า “หม่า หยุน” เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2507 ในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากนัก ในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ช่วงวัยเด็กของเขาอาจไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะเรียนไม่เก่ง ต้องซ้ำชั้นอนุบาลถึง 7 ปี และมักจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้ออยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็กกว่าคนอื่น
นอกจากนั้น เขายังแตกต่างจากเด็กทั่วไปที่ส่วนใหญ่มักใช้เวลาหมดไปกับการเที่ยวเล่น แต่เขากลับเลือกใช้เวลาทุกเช้าวันละ 40 นาที มุ่งมั่นไปกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยปั่นจักรยานไปยังโรงแรม เพื่อคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสนอตัวเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เขาได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษทุก ๆ วันเป็นเวลาถึง 9 ปี จนชำนาญการใช้ภาษาอังกฤษตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งชื่อภาษาอังกฤษ “Jack” ของเขาก็มาจากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ตั้งให้เพื่อให้ง่ายต่อการออกเสียงและสื่อสาร
การเริ่มต้นการทำธุรกิจของ แจ็ค หม่า
เมื่อ แจ็ค หม่า กลับมาที่ประเทศจีน เขาจึงตัดสินใจลองทำธุรกิจเป็นครั้งแรก ด้วยการรวบรวมเงินจากกลุ่มเพื่อนมาได้ราว 6 แสนบาท ลงทุนร่วมกันเปิดเว็บไซต์ที่ชื่อว่า “China Yellow Pages” ขึ้นในเดือนเมษายน 2538 ที่มีคอนเซ็ปต์เป็นสมุดหน้าเหลืองออนไลน์ โดยการรวบรวมรายชื่อบริษัทและสินค้าต่าง ๆ ในจีน มาไว้ในเว็บไซต์
การมาของ China Yellow Pages ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดีในจีน เพราะเริ่มได้เพียง 3 ปี บริษัทก็ทำเงินได้กว่า 24 ล้านบาท โดยมีรัฐบาลเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย นับว่าเป็นจุดที่ทำให้หลายคนเริ่มมองเห็นแววการเป็นนักธุรกิจของเขาเลยก็ว่าได้ แต่สุดท้าย แจ็ค หม่า ก็ตัดสินใจเดินออกมาจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง ด้วยการขายหุ้นทั้งหมดให้รัฐบาลจีน
ในปี 2542 แจ็ค หม่า ตัดสินใจใช้เงินทุน 2 ล้านบาท ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ชื่อว่า “อาลีบาบา” (Alibaba) โดยนำชื่อมาจากนิทานเรื่องหนึ่ง เพื่อหวังให้เป็นเว็บไซต์ศูนย์กลางระหว่างผู้ผลิตและส่งออกสินค้าในจีนกับบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งช่วงเริ่มต้นของอาลีบาบา อาจไม่ได้สวยงามเหมือน China Yellow Pages นัก เพราะเต็มไปด้วยอุปสรรคต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของเงินทุน เพราะไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรือเหล่านักลงทุน ต่างพากันมองว่า ธุรกิจนี้คงประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะไม่มีใครเชื่อว่าอีคอมเมิร์ซในจีนจะเกิดขึ้นได้จริง
แต่ด้วยความพยายามของ แจ็ค หม่า ทำให้ในปี 2543 อาลีบาบา ก็ได้รับเงินทุนจากต่างประเทศจำนวน 700 ล้านบาท จนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ธุรกิจเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทได้นำเงินก้อนนี้ ไปพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพขึ้นมา โดยเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จนประสบความสำเร็จ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ในขณะที่ อาลีบาบา เติบโตในตลาด B2B อย่างต่อเนื่อง อีกด้านหนึ่ง เว็บไซต์ที่ให้บริการแบบ B2C อย่าง “eBay” จากสหรัฐฯ ก็กำลังเข้ามารุกตลาดจีนเป็นอย่างมากเช่นกัน ทำให้ในปี 2546 เขาตัดสินใจเปิดตัว “Taobao.com” เว็บไซต์ขายของออนไลน์สัญชาติจีน ขึ้นมาแข่ง
ขอขอบคุณ ภาพจาก ทวิตเตอร์ Alibaba Group
และข้อมูล จาก https://money.kapook.com/