การมองเห็นวัตถุ เกิดจากการที่แสงตกกระทบสิ่งต่างๆ แล้วเกิดการสะท้อนเข้าสู่ตาเราทางเลนส์ตา(Lens) ผ่านเข้ามาในลูกตา ทำให้เกิดภาพบนเรตินา (Retina) ที่อยู่ด้านหลังของลูกตา แล้วส่งข้อมูลของวัตถุที่มองเห็นผ่านเส้นประสาท (Optic nerve) ไปสู่สมอง สมองจะทำการแปลข้อมูลเป็นภาพของวัตถุนั้นๆ
การมองเห็นวัตถุ
ดวงตาของมนุษย์สามารถรับแสงที่มีความเข้มน้อยมากๆ เช่น แสงริบหรี่ในห้องมืด ๆ ไปถึงแสงสว่างจ้าของแสงแดดตอนเที่ยงวัน ซึ่งมีความเข้มแสงมากกว่าถึง 10 เท่า นอกจากนี้ดวงตายังสามารถปรับให้มองเห็นได้แม้ตัวอักษรที่เป็นตัวพิมพ์เล็กๆ สามารถบอกรูปร่างและทรวดทรงที่แตกต่างกันในที่ที่มีความเข้มของแสงแตกต่างกันมากๆได้ โดยการปรับของรูม่านตา(Pupil)
เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความไวต่อแสงมาก สามารถรับรู้ได้เมื่อมีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย เช่น แสงจากดวงดาวที่อยู่ไกลในคืนเดือนมืดจนถึงแสงสว่างที่มีปริมาณมาก ทั้งนี้เนื่องจากเรตินาจะมีเซลล์รับแสง 2 ชนิด คือ
- เซลล์รูปแท่ง(Rod Cell) ทำหน้าที่รับแสงสว่าง (สลัว) ที่ไวมาก สามารถมองเห็นภาพขาวดำ เซลล์ รูปแท่งจะไวเฉพาะต่อแสงที่มีความเข้มน้อย โดยจะไม่สามารถจำแนกสีของแสงนั้นได้
- เซลล์รูปกรวย(Cone Cell) จะไวเฉพาะต่อแสงที่มีความเข้มสูงถัดจากความไวของเซลล์รูปแท่ง และสามารถจำแนกแสงแต่ละสีได้ด้วย เซลล์รูปกรวยมี 3 ชนิด แต่ละชนิดจะมีความไวต่อแสงสีปฐมภูมิต่างกัน ชนิดที่หนึ่งมีความไวสูงสุดต่อแสงสีน้ำเงิน ชนิดที่สองมีความไวสูงสุดต่อแสงสีเขียว และชนิดที่สามมีความไวสูงสุดต่อแสงสีแดง เมื่อมีแสงสีต่างๆ ผ่านเข้าตามากระทบเรตินา เซลล์รับแสงรูปกรวยจะถูกกระตุ้น และสัญญาณกระตุ้นนี้จะถูกส่งผ่านประสาทตาไปยังสมอง เพื่อแปรความหมายออกมาเป็นความรู้สึกเห็นเป็นสีของแสงนั้นๆ
แสงกระจาย
แสงกระจาย เป็นลักษณะของแสงที่เกิดการกระจายของจุดกำเนิดแสง แยกเป็นแฉกๆ หรือเป็นวงรอบ โดยมักจะเกิดในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างมืด แสงกระจายจะไม่เกิดเมื่อแสงสว่างรอบตัวมีมาก แสงกระจายมักเกิดในตอนกลางคืน สำหรับผู้ที่เกิดภาวะแสงกระจาย จนรบกวนการมองเห็นในสภาพแวดล้อมมืด อาจรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องขับรถในยามค่ำคืน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขับรถในเวลากลางคืน
ความผิดปกติที่เกิดกับนัยน์ตา
- สายตาสั้น สายตาสั้นจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ระยะใกล้กว่า 25 เซนติเมตร เนื่องจากกระบอกตายาว ภาพจึงตกก่อนถึงเรตินา
วิธีการแก้ไข สวมแว่นตาทำด้วยเลนส์เว้า เพื่อถ่วงแสงให้ไปตกถึงเรตินา
ภาพที่ 1 เลนส์เว้าแก้สายตาสั้น
ที่มา เอกสารใบความรู้เรื่อง แสงและสมบัติของแสง รายวิชา วิทยาศาสตร์ ว 32101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสุราษฎร์ธานี.
- สายตายาว สายตายาวเกิดจากกระบอกตาสั้นเกินไป ภาพตกเลยเรตินา จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดที่ระยะไกล ส่วนระยะใกล้มองเห็นไม่ชัด
วิธีการแก้ไข สวมแว่นตาทำด้วยเลนส์นูน เพื่อช่วยรวมแสงให้ตกใกล้เข้ามา
ภาพที่ 2 ภาพเลนส์นูนแก้สายตายาว
ที่มา เอกสารใบความรู้เรื่อง แสงและสมบัติของแสง รายวิชา วิทยาศาสตร์ ว 32101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสุราษฎร์ธานี.
- สายตาเอียง สายตาเอียงเกิดจากผิวหน้าของเลนส์ตามีความโค้งไม่สม่ำเสมอ ทำให้เห็นภาพแนวดิ่งไม่ตรงหรือแนวราบเอียงไปจากปกติ
วิธีการแก้ไข สวมแว่นตาทำด้วยเลนส์นูนกาบกล้วย
- ตาเหล่ ตาเหล่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา
วิธีการแก้ไข ถ้าเป็นน้อยๆ ฝึกการบริหารกล้ามเนื้อตา ถ้าเป็นมากจะต้องผ่าตัด
- ตาบอดสี ตาบอดสีเกิดจากเซลล์ประสาทบนเรตินาเกี่ยวกับการมองเห็นสีผิดปกติ ส่วนใหญ่ผู้ชายจะตาบอดสีเนื่องจากกรรมพันธุ์และตาลอดสีแดงเป็นส่วนมาก ไม่สามารถแก้ไขได้และจะถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานต่อๆ ไป
มองเห็นทั้งใกล้และไกลด้วย Monovision การแก้ปัญหาสายตา
วิธีการแก้ไขด้วย Monovision
การทำ Monovision นั้น จะทำการรักษาอย่างเต็มที่ในตาข้างที่เด่น (Dominant Eye) เพื่อใช้เป็นหลักในการมองไกล ส่วนตาในข้างที่ด้อยกว่า (Non-dominant Eye) จะรักษาให้เหลือ สายตาสั้นไว้เล็กน้อยเพื่อใช้เป็นหลักในการมองใกล้ในระดับที่สามารถอ่านหนังสือได้ดีพอสมควร ซึ่งเมื่อใช้ตาทั้ง 2 ข้างพร้อมกันและสามารถปรับตัวได้แล้ว จะมองเห็นได้ดีทั้งระยะใกล้ และระยะไกล โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตา
อย่างไรก็ตาม การทำ Monovision อาจส่งผลให้ความสามารถในการกะระยะความลึกของวัตถุลดลงได้ ในบางคนจึงจำเป็นต้องใช้แว่นตาบ้างในบางโอกาส เช่น
การขับรถช่วงกลางคืนหรือในที่ที่มีแสงสว่างน้อย ตาข้างที่เหลือสายตาสั้นไว้เล็กน้อยอาจไปรบกวนตาข้างที่ใช้มองไกล ดังนั้นการใช้แว่นสายตาช่วยเพื่อให้ตาทั้ง 2 ข้างโฟกัสภาพได้เท่ากันจะช่วยให้ขับรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น แต่ในกรณีที่ต้องขับรถช่วงกลางวันก็อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งแว่นตาเลย การอ่านหนังสือหรือการมองใกล้เป็นเวลานาน อาจต้องใช้แว่นช่วยในการมองใกล้เช่นกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกสบายตามากขึ้น แต่หากเป็นการมองใกล้ในระยะสั้น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตา
Monovision ทำงานอย่างไร
สมองของเรามีหน้าที่รับสัมผัสทุกทาง รวมทั้งทางด้านการมองเห็น ในสภาวะของสายตายาวตามอายุนั้น จะเกิดการปรับตัวของกล้ามเนื้อบริเวณเลนส์แก้วตาเพื่อเปลี่ยนแปลงระยะโฟกัส ทำให้สามารถมองเห็นภาพที่เราสนใจได้ชัด ขณะที่บริเวณอื่นที่เราไม่ได้สนใจจะเห็นไม่ชัด กล่าวคือ สมองจะเลือกให้ความสนใจทำให้เรามองเห็นวัตถุที่เราสนใจได้อย่างชัดเจน เช่น เมื่อสนใจวัตถุที่อยู่ไกล ตาข้างที่มองไกลชัดจะถูกเลือกมาใช้งาน และเมื่อสนใจวัตถุที่อยู่ใกล้ ตาข้างที่มองใกล้ชัด (Non Dominant Eye) จะถูกเลือกให้ทำหน้าที่แทน
ในสภาพของ Monovision ผู้เข้ารับการรักษาควรต้องเรียนรู้ที่จะเลือกมองตามระยะต่าง ๆ แล้วเริ่มปรับตัวให้เกิดความเคยชิน ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ สำหรับการทำ Monovision นั้น แพทย์และผู้เข้ารับการรักษาควรจะพิจารณาร่วมกันถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้เข้ารับการรักษาให้ดีก่อน
การปรับตัวให้เข้ากับ Monovision
ในระยะแรก ๆ ผู้เข้ารับการรักษาบางคนอาจรู้สึกไม่สบายตา มองเห็นภาพซ้อน วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หรือเมื่อยล้าและปวดตา มองใกล้ก็ไม่ชัด มองไกลก็ไม่ชัด ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่า ผู้เข้ารับการรักษาจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ Monovision ได้ แต่อาจเกิดจากสายตาอาจจะยังไม่คงที่ หรือร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เกิดความคุ้นเคยได้ การปรับตัวให้เคยชินกับ Monovision นั้นทำได้โดยพยายามใช้ตาทั้ง 2 ข้างในการมอง และทำใจให้สบาย เพื่อให้สมองได้พยายามปรับตัว และไม่ควรปิดตาทีละข้างเพื่อทดสอบการมองเห็นอาการดังกล่าวนี้จะหายไปได้เองเมื่อสามารถปรับตัวได้ ภายในระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน
การขับรถตอนกลางคืนหรือการอ่านหนังสือในช่วงแรกที่ยังเห็นไม่ชัดมากนัก อาจต้องใช้แว่นตาช่วยจนกว่าร่างกายจะสามารถปรับตัวได้
เมื่อต้องเติมเลเซอร์สำหรับ Monovision
หลังจากปล่อยให้ดวงตาและสมองทำการปรับตัวให้คุ้นเคยกับ Monovision เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนแล้ว ก็ยังเกิดความรำคาญกับปัญหาของสายตาที่ไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้างอยู่ซึ่งมักพบเป็นส่วนน้อยเท่านั้น แพทย์จะพิจารณาเติมเลเซอร์ในตาข้างที่เหลือสายตาสั้นไว้ โดยการเติมเลเซอร์นั้น ทำได้โดยการใช้เครื่องมือพิเศษเปิดชั้นกระจกตาที่เคยแยกไว้แล้วขึ้นมา แล้วเติมเลเซอร์เหมือนการรักษาสายตาสั้นทั่ว ๆ ไป การเติมเลเซอร์นั้น สามารถทำได้หลายครั้งขึ้นอยู่กับความหนาของกระจกตา หากกระจกตามีความหนาเพียงพอก็สามารถทำได้
ขอบคุณข้อมูล https://www.laservisionthai.com และ https://www.scimath.org