บทนิยามระบบจำนวนเชิงซ้อน-คณิตศาสตร์ ออนไลน์
สำหรับจำนวนเชิงซ้อน z = (a, b) เมื่อ a และ b เป็นจำนวนจริง เรียก a ว่าส่วนจริง(real part) ของ z และแทนด้วย Re(z)
สำหรับจำนวนเชิงซ้อน z = (a, b) เมื่อ a และ b เป็นจำนวนจริง เรียก a ว่าส่วนจริง(real part) ของ z และแทนด้วย Re(z)
ประโยคเปิดและตัวบ่งปริมาณ(Logical Quantifier)-ตรรกศาสตร์ ประโยคเปิด ประโยคเปิด คือประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธที่มีตัวแปร ประโยคเปิดไม่สามารถบอกค่าความจริงได้ แต่ถ้าแทนค่าตัวแปรลงไป ประโยคเปิดจะกลายเป็นประพจน์ กล่าวคือสามารถบอกค่าความจริงได้
ตรรกศาสตร์ ภาคแสดงและตัวบ่งปริมาณ (Predicate Logic and Quantifiers) ตัวบ่งปริมาณ เราจะกำหนดให้ P(x) เป็นประโยคเปิดใดๆ ตัวบ่งปริมาณ คือ สัญลักษณ์หรือข้อความที่เมื่อเราเอาไปเติมใน “ประโยคเปิด” แล้วจะทำให้ประโยคนั้นกลายเป็นประพจน์
ใช้รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน เพราะถ้าเรารู้ว่าประพจน์ไหนสมมูลกับประพจน์อาจจะทำให้การตรวจสอบการเป็นสัจนิรันดร์และการหาค่าความจริงง่ายขึ้น รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกันที่สำคัญ 1. p ∧ ~p ≡ F 2. p ∨ ~p ≡ T 3. p ∧ T ≡ p 4. p ∨ F ≡ p 5. ~(~p) ≡ p 6. p ∨ q ≡ q ∨ p 7. p ∧ q ≡ q ∧ p 8. ( p ∨ q ) ∨ r ≡ p ∨ ( q ∨ r ) ≡ p ∨ q ∨ r 9. ( p ∧ q ) ∧ r ≡ p ∧ ( q ∧ r ) ≡ p ∧ q ∧…
ประพจน์และการเชื่อมประพจน์-ตรรกศาสตร์เบื้องต้น
มวลและน้ำหนักของสาร มวลของสาร คือ ปริมมณที่ขึ้นอยู่กับเนื้อของสาร ซึ่งมีค่าคงที่เสมอ น้ำหนักของสาร คือ แรงดึงดูดของดลกที่กระทำต่อมวลของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมากน้ำหนักก็จะมากตาม วัตถุที่มีมวลน้อยน้ำหนัก็จะน้อยตาม นั่นคือน้ำหนักของสารแปรผันโดยตรงกับมวลของสาร
ปริมาณสารสัมพันธ์-มวลโมเลกุล (Molecular Mass) เนื่องจากโมเลกุลของสารต่างๆ มีขนาดเล็กมาก ในทางปฏิบัติการหามวลโมเลกุลจึงไม่สามารถจะชั่งได้ แต่จะใช้ค่าการเปรียบเทียบเช่นเดียวกับมวลอะตอม โดยเปรียบเทียบว่าสารนั้นมีมวลเป็นกี่เท่าของธาตุมาตรฐาน ในปัจจุบันใช้ 12C เป็นมาตรฐาน โดยถือว่า 1/12 มวลของ C-12 1 อะตอม เท่ากับ 1 หน่วยมาตรฐาน หรือ 1 amu ซึ่งมีมวลเท่ากับ 1.66 x10-24 กรัม ดังนั้น มวลโมเลกุล จึงหมายถึง ตัวเลขที่บอกให้ทราบว่าสารใดๆ 1 โมเลกุล มีมวลเป็นกี่เท่าของ 1/12 มวลของ C-12 1 อะตอม หรือเขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้
สรุปเนื้อหา ปริมาณสารสัมพันธ์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity )จะเกี่ยวข้องกับระบบที่มีความเร็วคงที่คือเป็น ระบบที่ไม่มีความเร่ง การอธิบายทฤษฎีนี้อย่างง่ายที่สุดก็เปรียบเทียบให้เห็นว่า เมื่อเรารู้สึกว่าทุกสิ่งกำลังหยุดนิ่งหรือมีความเร็วที่เท่ากันเราไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งใดกำลังเคลื่อนที่ เช่น โลกหมุนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ เรายัง รู้สึกว่าทุกสิ่งกำลังอยู่กับที่ แต่ที่จริงสิ่งที่เรานึกว่าหยุดอยู่กับที่กลับเคลื่อนที่ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity) ถูกเสนอขึ้นในปี ค.ศ. 1905 โดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในบทความของเขา “เกี่ยวกับพลศาสตร์ไฟฟ้าของวัตถุซึ่งเคลื่อนที่ (On the Electrodynamics of Moving Bodies)” สามศตวรรษก่อนหน้านั้น หลักสัมพัทธภาพของกาลิเลโอกล่าวไว้ว่า การเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วคงที่ทั้งหมดเป็นการสัมพัทธ์ และไม่มีสถานะของการหยุดนิ่งสัมบูรณ์และนิยามได้ คนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือคิดว่าตนอยู่นิ่ง แต่คนที่สังเกตบนชายฝั่งกลับบอกว่า ชายบนเรือกำลังเคลื่อนที่ ทฤษฏีของไอน์สไตน์รวมหลักสัมพัทธภาพของกาลิเลโอเข้ากับสมมติฐานที่ว่า ผู้สังเกตทุกคนจะวัดอัตราเร็วของแสงได้เท่ากันเสมอ ไม่ว่าสภาวะการเคลื่อนที่เชิงเส้นด้วยความเร็วคงที่ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
ตั้งแต่ ยุคศตวรรษที่ 21 โลกเชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายดายด้วยเทคโนโลยี และภาษาอังกฤษก็ช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันทำได้ง่ายขึ้น