มาดูประพจน์และการเชื่อมประพจน์-ตรรกศาสตร์เบื้องต้น ม.4
ประพจน์และการเชื่อมประพจน์-ตรรกศาสตร์เบื้องต้น
ประพจน์และการเชื่อมประพจน์-ตรรกศาสตร์เบื้องต้น
มวลและน้ำหนักของสาร มวลของสาร คือ ปริมมณที่ขึ้นอยู่กับเนื้อของสาร ซึ่งมีค่าคงที่เสมอ น้ำหนักของสาร คือ แรงดึงดูดของดลกที่กระทำต่อมวลของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมากน้ำหนักก็จะมากตาม วัตถุที่มีมวลน้อยน้ำหนัก็จะน้อยตาม นั่นคือน้ำหนักของสารแปรผันโดยตรงกับมวลของสาร
ปริมาณสารสัมพันธ์-มวลโมเลกุล (Molecular Mass) เนื่องจากโมเลกุลของสารต่างๆ มีขนาดเล็กมาก ในทางปฏิบัติการหามวลโมเลกุลจึงไม่สามารถจะชั่งได้ แต่จะใช้ค่าการเปรียบเทียบเช่นเดียวกับมวลอะตอม โดยเปรียบเทียบว่าสารนั้นมีมวลเป็นกี่เท่าของธาตุมาตรฐาน ในปัจจุบันใช้ 12C เป็นมาตรฐาน โดยถือว่า 1/12 มวลของ C-12 1 อะตอม เท่ากับ 1 หน่วยมาตรฐาน หรือ 1 amu ซึ่งมีมวลเท่ากับ 1.66 x10-24 กรัม ดังนั้น มวลโมเลกุล จึงหมายถึง ตัวเลขที่บอกให้ทราบว่าสารใดๆ 1 โมเลกุล มีมวลเป็นกี่เท่าของ 1/12 มวลของ C-12 1 อะตอม หรือเขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้
สรุปเนื้อหา ปริมาณสารสัมพันธ์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity )จะเกี่ยวข้องกับระบบที่มีความเร็วคงที่คือเป็น ระบบที่ไม่มีความเร่ง การอธิบายทฤษฎีนี้อย่างง่ายที่สุดก็เปรียบเทียบให้เห็นว่า เมื่อเรารู้สึกว่าทุกสิ่งกำลังหยุดนิ่งหรือมีความเร็วที่เท่ากันเราไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งใดกำลังเคลื่อนที่ เช่น โลกหมุนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ เรายัง รู้สึกว่าทุกสิ่งกำลังอยู่กับที่ แต่ที่จริงสิ่งที่เรานึกว่าหยุดอยู่กับที่กลับเคลื่อนที่ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity) ถูกเสนอขึ้นในปี ค.ศ. 1905 โดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในบทความของเขา “เกี่ยวกับพลศาสตร์ไฟฟ้าของวัตถุซึ่งเคลื่อนที่ (On the Electrodynamics of Moving Bodies)” สามศตวรรษก่อนหน้านั้น หลักสัมพัทธภาพของกาลิเลโอกล่าวไว้ว่า การเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วคงที่ทั้งหมดเป็นการสัมพัทธ์ และไม่มีสถานะของการหยุดนิ่งสัมบูรณ์และนิยามได้ คนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือคิดว่าตนอยู่นิ่ง แต่คนที่สังเกตบนชายฝั่งกลับบอกว่า ชายบนเรือกำลังเคลื่อนที่ ทฤษฏีของไอน์สไตน์รวมหลักสัมพัทธภาพของกาลิเลโอเข้ากับสมมติฐานที่ว่า ผู้สังเกตทุกคนจะวัดอัตราเร็วของแสงได้เท่ากันเสมอ ไม่ว่าสภาวะการเคลื่อนที่เชิงเส้นด้วยความเร็วคงที่ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
ตั้งแต่ ยุคศตวรรษที่ 21 โลกเชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายดายด้วยเทคโนโลยี และภาษาอังกฤษก็ช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันทำได้ง่ายขึ้น
ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple intelligence) ของการ์ดเนอร์(Gardner) ได้เสนอแนวคิดว่าสติปัญญาของมนุษย์ไม่ได้มีเฉพาะเหตุผลเชิงตระกะและความสามารถทางภาษาแต่ยังมีสติปัญญาอีกหลายๆด้าน ได้แก่ สติปัญญาด้านดนตรี สติปัญญาการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ สติปัญญาด้านการใช้เหตุผลเชิงตระกะและคณิตศาสตร์ สติปัญญาด้านภาษา สติปัญญาด้านเนื้อหามิติสัมพันธ์ สติปัญญาด้านการเข้ากับผู้อื่น สติปัญญาด้านการเข้าใจผู้อื่น สติปัญญาด้านเข้าใจในธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2526 การ์ดเนอร์ ได้เสนอว่าปัญญาของมนุษย์มีอยู่อย่างน้อย 7 ด้าน คือ ด้านภาษา ด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ด้านดนตรี ด้านมนุษยสัมพันธ์ และด้านการเข้าใจตนเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ได้เพิ่มเติมเข้ามาอีก 1 ด้าน คือ ด้านธรรมชาติวิทยา เพื่อให้สามารถอธิบายได้ครอบคลุมมากขึ้น จึงสรุปได้ว่า พหุปัญญา ตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ ในปัจจุบันมีปัญญาอยู่อย่างน้อย 8 ด้าน ดังนี้ ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence) คือ ความสามารถในการใช้ภาษารูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ภาษาพื้นเมือง จนถึงภาษาอื่นๆ ด้วย สามารถรับรู้ เข้าใจภาษา…
ปรัชญาและแนวคิดทางการศึกษา การศึกษาเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เครื่องมือในการเตรียมประชากรให้มีคุณภาพ คือ การศึกษา การจัดการศึกษาของชาตินั้นจะต้องสอดคล้องกับนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ
มารู้จักกับการทำงานของสมองที่หลายคนยังไม่รู้ สมองมีการทำงานดังนี้ 1. ประสาทรับความรู้สึก
ทฤษฎีจำนวน (Number Theory) นิยาม ถ้า m และ n เป็นจำนวนเต็ม โดยที่ n≠0 แล้ว n หาร m ลงตัว ก็ต่อเมื่อ มีจำนวนต็ม c เพียงจำนวนเดียวเท่านั้น