หอยกูอีดั๊ก (อังกฤษ: geoduck; หรือเรียกสั้น ๆ ว่า กูอี (Gooey) หรือ ดั๊ก (Duck)) เป็นหอยสองฝาที่พบในทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panopea generosa ในวงศ์ Hiatellidae
เป็นหอยที่มีลักษณะเด่นคือ มีเปลือกสีขาวยาวประมาณ 15–20 เซนติเมตร แต่มีจุดเด่นคือ มีท่อดูดซึ่งตอนปลายมีรู 2 รู แยกเป็นรูดูดอาหารและรูปล่อยของเสียรวมถึงสเปิร์มในตัวผู้ และไข่ในตัวเมีย ยื่นยาวออกมาจากเปลือกอย่างเห็นได้ชัด แลดูคล้ายงวงของช้าง ซึ่งอาจยาวได้ถึง 1 เมตร
หอยกูอีดั๊กจะอาศัยในทะเล โดยการฝังตัวใต้ทรายบริเวณชายฝั่งบริติชโคลัมเบียในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา หากินโดยการกินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร เมื่อถูกจับขึ้นมา จะพ่นน้ำคัดหลั่งออกมาจากปลายท่อดูด
ขยายพันธุ์ด้วยการที่ตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อออกมาปฏิสนธิพร้อมกับตัวเมียที่ปล่อยไข่ออกมาได้ราวครั้งละ 10 ล้านฟอง ลูกหอยขนาดเล็กจะขุดหลุมฝังตัวใต้ทรายในระดับที่ตื้น ๆ ก่อนที่จะขุดลึกลงไปเรื่อย ๆ ตามวัยที่โตขึ้น ซึ่งอาจลึกได้ถึง 110 เมตร นอกจากนี้แล้ว หอยชนิดนี้ยังมีอายุยืนได้ถึง 146 ปี นับเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีอายุยืนที่สุดของโลก[1] โดยมีฤดูการขยายพันธุ์อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน–กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำมีอุณหภูมิค่อนข้างอุ่น
เป็นหอยที่นิยมบริโภคกันทั้งในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศทางภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยนิยมทำไปเป็นซูชิในอาหารญี่ปุ่น โดยถูกเฉือนเป็นแผ่นบาง ๆ หรือปรุงเป็นอาหารจีน ซึ่งมีชื่อเรียกในภาษาจีนเรียกว่า 象拔蚌 (พินอิน: Xiàng bá bàng; หอยงวงช้าง)
ปัจจุบัน หอยชนิดนี้มีการเพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม ลูกหอยที่เพาะออกมาได้ จะถูกนำไปฝังไว้ใต้ทรายบริเวณชายหาดในท่อพลาสติก ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี กว่าหอยจะโตเต็มวัยถึงขนาดที่จับขายได้
หอยกูอี้ดั๊ก หอยรูปร่างหน้าตาประหลาด มีท่อดูดยื่นยาวออกมาจากเปลือก แลดูคล้ายงวงช้าง ซึ่งอาจยาวได้ถึง 1 เมตร
หอยชนิดนี้อาศัยในทะเล โดยการฝังตัวใต้ทรายบริเวณชายฝั่งแปซิฟิกแถบอเมริกาเหนือและแคนาดา กินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร มีอายุยืนได้ถึง 146 ปี นับเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีอายุยืนที่สุดของโลก
หอยกูอี้ดั๊กนี้นิยมบริโภคกันทั้งในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศทางภูมิภาคเอเชียตะวันออก นิมักทำไปเป็นซูชิในอาหารญี่ปุ่น โดยถูกเฉือนเป็นแผ่นบาง ๆ หรือปรุงเป็นอาหารจีน
ปัจจุบัน หอยชนิดนี้มีการเพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม ลูกหอยที่เพาะออกมาได้ จะถูกนำไปฝังไว้ใต้ทรายบริเวณชายหาดในท่อพลาสติก ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี กว่าหอยจะโตเต็มวัยถึงขนาดที่จับขายได้
หอยกูอี้ดั๊กได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาหอย (King Clam) เนื่องจากเป็นหอยชนิดที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นโคลนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักมากที่สุดถึง 7.25 กก. ราคาของเจ้าหอยงวงช้างในร้านอาหารที่จีนนั้นมีราคาแพงมาก หอยน้ำหนัก 1 กก. ราคาสูงถึง 10,000 บาท แต่ก็มีคนติดใจในรสชาติที่นุ่มลื่น กรุบกรอบ สดสะอาดไม่คาวเหมือนปลาหรืออาหารทะเลชนิดอื่นยินดีที่จะจ่ายเงิน นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่ามันช่วยกระตุ้นพลังทางเพศด้วย บางคนก็นิยมนำมาผัด ทำซุปข้น ซูชิหรือซาชิมิ แต่ที่นิยมกันมากคือนำมาลวกในน้ำซุป
ราว 90% ของผลผลิตหอยกูอี้ดั๊กในสหรัฐฯ และแคนาดา ถูกส่งออกมายังจีนเพื่อปรุงขายในร้านอาหาร ทั้งๆ ที่สหรัฐฯ เองนั้น บางคนไม่รู้จักหอยชนิดนี้ด้วยซ้ำ ธุรกิจเพาะหอยกูอี้ดั๊กจึงกลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินให้กับเจ้าของฟาร์ม เพราะคนจีนยินดีที่จะทุ่มเงินซื้ออาหารพิเศษนี้ ไม่ต่างกับการซื้อหูฉลามหรือรังนกราคาแพง
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้มีเชฟชื่อดังในสหรัฐฯ นำหอยกูอี้ดั๊กมาปรุงอาหารออกรายการ ทำให้มันเป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีแนวโน้มว่า ต่อไปอาจมีความต้องการจากผู้บริโภคชาวอเมริกัน แต่ต้องเริ่มเปิดตลาดด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งขณะนี้หอยกูอี้ดั๊กเป็นที่นิยมของชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐเท่านั้น
ที่มาเนื้อหาและภาพ – BBCThai
และ https://cheechongruay.smartsme.co.th