อินเทอร์เน็ตออฟบอดี้หรือไอโอบี เป็นการเชื่อมต่อระบบจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเข้ากับร่างกายของเราผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลของร่างกายเราส่งไปยังระบบผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คล้ายกับแนวคิด Internet of Thing หรืออินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ข้อมูลจากร่างกายเราจะผ่านการวิเคราะห์โดยระบบ เพื่อดูว่ามีความผิดปกติใด ๆ
ที่ต้องได้รับการแก้ไขหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไอโอบีใช้เพื่อการติดตามข้อมูลด้านสุขภาพของเรานั่นเอง การติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้กับร่างกายเรานั้น มีหลายแบบ อย่างการติดอยู่บนร่างกาย เช่น สมาร์ทวอช การใส่ไว้ในร่างกายอย่างเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือกระทั่งฝังไว้ในร่างกาย อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวจากการใช้ไอโอบี ที่เก็บข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของเราเอาไว้ รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมต่างๆ อีกด้วย
การเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อร่างกายมนุษย์กับเว็บกำลังเร่งอย่างรวดเร็ว Internet of Bodies นี้สามารถปฏิวัติการดูแลสุขภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเราได้ แต่หากไม่มีรั้วกั้นที่เหมาะสมก็อาจเป็นอันตรายต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดของเราและทำให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรมหลายประการ
Ross Compton อยู่ที่นั่นเมื่อไฟไหม้บ้านมูลค่า 400,000 ดอลลาร์ของเขาในมิดเดิลทาวน์รัฐโอไฮโอในเดือนกันยายน 2559 โชคดีที่คอมป์ตันบอกกับผู้ตรวจสอบว่าเขาสามารถบรรจุกระเป๋าได้สองสามใบพร้อมทรัพย์สินหลายอย่างรวมถึงที่ชาร์จสำหรับปั๊มหัวใจภายนอกที่เขาต้องการเพื่อความอยู่รอด – ก่อนที่จะทุบหน้าต่างด้วยไม้เท้าและหลบหนีไป
IoB สามารถช่วยธุรกิจได้อย่างไรบ้าง?
จากรายงาน Gartner’s Top Strategic Technology Trends for 2021 ระบุว่า องค์ประกอบสำคัญในการวางแผนธุรกิจที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดจนพ้นช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 และเติบโตต่อไปในอนาคตได้ มีดังนี้
- people centricity: เทคโนโลยีที่สนับสนุนให้คนเป็นศูนย์กลางของการวางแผนธุรกิจ
- location independence: เทคโนโลยีที่ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการได้จากที่ใดก็ได้ และ
- resilient delivery: เทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้
โดย IoB เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ Gartner กล่าวว่าจะมีบทบาทสำคัญภายใต้องค์ประกอบด้าน people centricity จากการที่ผู้บริโภคมีความต้องการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น IoB จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการรวมไปถึงที่มาของความต้องการของผู้บริโภคได้องค์ความรู้ที่ธุรกิจจะได้จาก IoB จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดและดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการนำข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดของธุรกิจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ IoB จะสามารถช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น จากการตรวจจับและระบุถึงความต้องการของทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของธุรกิจอยู่แล้วและกลุ่มที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าแต่อาจสนใจสินค้าและบริการของธุรกิจ และยังช่วยให้ธุรกิจค้นหาโอกาสใหม่ๆ จากองค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการซื้อสินค้าและบริการทั้งหมดของกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่ที่มาของความสนใจในสินค้าและบริการนั้นๆ (เช่น รู้จักผ่านสื่อออนไลน์ หรือการที่คนใกล้ชิดซื้อสินค้าและบริการนั้นๆ) จนถึงขั้นตอนที่เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ที่มีลักษณะและชีวิตประจำวันที่คล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบันได้ ดังนั้น การประยุกต์ใช้ IoB จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ และมีหลายธุรกิจที่เริ่มนำ IoB มาใช้แล้ว เช่น
- บริษัท BMC ที่พัฒนาแอปพลิเคชันเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับ smart phone เพื่อติดตามและเก็บข้อมูลสุขภาพละการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน และนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ เพื่อระบุระดับสุขภาพ และแนะนำให้ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้o
- Unacademy บริษัท startups ที่ให้บริการด้านการศึกษาออนไลน์ที่ใช้ IoB ในการช่วยผู้ใช้บริการในการวางแผนคอร์สเรียนออนไลน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ และแผนการประกอบอาชีพในอนาคต
นอกจากการนำ IoB ไปศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อวางแผนการตลาดแล้ว บางบริษัทยังใช้ IoB เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร เช่น Intel ที่ใช้ facial recognition ในการศึกษาพฤติกรรมของลูกจ้าง และนำไปเป็นเกณฑ์ความเสี่ยงด้านการดำเนินธุรกิจ หรือ PwC ที่นำ IoB ไปใช้ในการติดตามการทำงานในรูปแบบ work from home ของลูกจ้าง เป็นต้น
ทั้งนี้ หากต้องการประยุกต์ใช้ IoB ธุรกิจควรจะต้องลงทุนหรือพัฒนาเทคโนโลยี IoT ในการดำเนินกิจการ วางโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการข้อมูล พัฒนาและประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ลงทุนด้านทรัพยากรบุคคลที่ชำนาญด้าน Data Science และ Behavior Science รวมไปถึงการคำนึงถึงความปลอดภัยและจริยธรรมของการจัดเก็บและนำข้อมูลไปใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า แม้ว่าการลงทุนใน IoT นั้น อาจดูเหมือนว่าจะมีต้นทุนที่สูงและเป็นการลงทุนสำหรับบริษัทใหญ่เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กก็สามารถนำ IoT ไปใช้ในการดำเนินกิจการได้เช่นกัน โดยเริ่มต้นจากการใช้อุปกรณ์ IoT ที่มีขายอยู่แล้วมาเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจในส่วนที่จำเป็นที่สุด จากนั้นค่อยๆ เพิ่มการใช้ IoT เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การใช้ radio-frequency identification tag (RFID) ที่ใช้ในการติดตามสินค้า ร่วมกับอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณและกล้องวงจรปิดในการจัดการคลังสินค้าและแจ้งเตือนเมื่อสินค้าในคลังมีเหลือน้อย และอาจนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ถึงความนิยมของสินค้าในช่วงเวลาต่าง ๆ หรือการใช้อุปกรณ์ IoT ในการติดตามการทำงานของลูกจ้าง เพื่อจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการทำงาน เป็นต้น
ประเด็นที่น่ากังวลของการใช้ IoB
ถึงแม้ว่า IoB จะนำมาซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายภาครัฐ ความสะดวกสบายของผู้บริโภค และการสร้างโอกาสให้ธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การโต้แย้งเกี่ยวกับประเด็น data privacy ในการนำข้อมูลไปประมวลผลของ IoB ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ยกตัวอย่างเช่น การที่ smart watch เก็บข้อมูลสุขภาพ ผู้สวมใส่อาจจะยอมรับกับการเก็บข้อมูลเหล่านั้นเพื่อนำไปใช้วัดสุขภาพของตนเอง แต่ถ้าหากมีการนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ และนำไปใช้ในแผนการตลาดของธุรกิจ ผู้สวมใส่อาจจะรู้สึกถึงการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวก็เป็นได้ เป็นต้น และประเด็นเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของข้อมูล กล่าวคือ ข้อมูลที่เก็บได้จากอุปกรณ์ IoT ควรจะเป็นของธุรกิจเจ้าของอุปกรณ์ที่จัดเก็บข้อมูลหรือของผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของพฤติกรรมเหล่านั้น รวมไปถึงประเด็นด้านจริยธรรมในการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปประมวลผลเป็นองค์ความรู้และส่งต่อให้แก่บริษัทหรือองค์กรอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลด้าน cybersecurity ที่หากข้อมูลมีการรั่วไหลหรือถูกขโมยไปโดยกลุ่มมิจฉาชีพ ข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกนำไปสร้างกลลวงขึ้นมาหลอกผู้บริโภคได้เช่นกัน และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นผู้รับผิดชอบความเสียหายควรเป็นใครและควรมีขั้นตอนการแก้ไขอย่างไร
การคำนึงถึงความปลอดภัย จริยธรรม และความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลมีความสำคัญต่อการพัฒนาของ IoB เป็นอย่างมาก เนื่องจากความแม่นยำของ IoB จะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ IoT จัดเก็บได้ ดังนั้น ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และผู้บริโภคจึงต้องร่วมมือกัน
แล้ว Internet of Bodies (IoB) คืออะไร ? มันเหมือนกับ IoT (Internet of Things) หรือไม่ ? วันนี้ Alltimage จะพามารู้จักกับ IoT มากยิ่งขึ้น
สำหรับคำตอบของข้อสงสัยด้าน
IoB มีวิธีการติดร่างกายอยู่ 3 รูปแบบ อย่างแรกคือ การติดอุปกรณ์ข้างนอกร่างกา
นับว่า IoB เป็นเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ได้เข้ามาเปล
ขอบคุณข้อมูล https://alltimage.com/ และ https://ichi.pro/th/