อาการตาเพลีย สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือ แล้วมักปวดรอบ ๆ ตา และหน้าผาก ตาพร่ามัว ตาลายเป็นพัก ๆ เคือง แสบ หรือ มีน้ำตาไหลร่วมด้วย นั่นเป็นสัญญาณของอาการ “ตาเพลีย” ซึ่งมักเกิดจากการเลือกใช้แสงไฟสำหรับอ่านหนังสือที่ไม่เหมาะสม งั้นวันนี้เรามาดูสิว่าแสงไฟแบบไหนที่เหมาะต่อการอ่านหนังสือ…
อันดับแรกเลย โคมไฟอ่านหนังสือมีแบบ หลอดใส้ , หลอดฟลูออเรสเซนต์ , หลอดตะเกียบ , หลอด LED เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาบอกเล่าเกี่ยวกับการเลือกประเภทหลอดไฟสำหรับอ่านหนังสือกัน
หลอดไฟที่ใช้ควรเลือกใช้แบบหลอดใส้ซึ่งเป็นแสงแบบContinuous Spectrum เหมือนแสงอาทิตย์ แม้จะเปลืองไฟกว่า และร้อนกว่า แต่มีข้อดีคือ ราคาถูก และแสงสว่างต่อเนื่องไม่กระพริบ ควรเลือกหลอดใส้แบบอินแคนเดสเซนต์สีฟ้าๆ หลอดไส้จะให้แสงสีเหลือง พอแสงตัดกับผิวหลอดที่เป็นสีฟ้า สีจะเปลี่ยนเป็นเหลืองอ่อน เหมาะสมกับการอ่านหนังสือที่สุด
ส่วนหลอดฟลูออเรสเซนต์ , หลอดตะเกียบ , หลอด LED มีจะมีข้อดีกว่าคือประหยัดไฟ และไม่ร้อน แต่ก็มีข้อเสียคือมีการกระพริบปกติประมาณ 50-60 ครั้งต่อวินาที
เพื่อให้แสงที่ตกสะท้อนจากกระดาษไม่ตกเข้าตา และไม่เกิดเงาบังขณะเขียนหนังสือ สำหรับคนถนัดขวา ถ้าเลือกใช้โคมไฟแบบตั้งโต๊ะ ควรให้แสงไฟเข้าจากทางด้านหน้า-ซ้าย แต่ถ้าเลือกใช้โคมไฟแบบอ้อมด้านหลัง ควรให้โคมฉายไฟจากเยื้องหลังข้ามไหล่ซ้าย เพื่อมิให้เกิดเงาบังขณะเขียนหนังสือ
อีกหนึ่งเรื่องเลยคือ Position การวางหนังสือที่ดี หนังสือควรอยู่ในแนวตั้ง ทำมุมประมาณ 40 – 80 องศากับโต๊ะ แล้วแต่ลักษณะทางกายภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นมุมมองที่ทำให้อ่านหนังสือ ง่าย สบายตาที่สุด โดยไม่ต้องก้มหน้าอ่าน ไม่ปวดคอ หรือจะใช้ที่ตั้งวางหนังสือสำเร็จรูปก็ได้ หลังควรพิงพนักเก้าอี้ หลังจะได้ตรง ร่างกายจะผ่อนคลาย
ขอบคุณข้อมูล https://www.scholarship.in.th/