คนที่เป็นนักสู้ เมื่อล้มเเล้ว ต้องรีบลุก พลาดเเล้ว ต้องรีบตั้งหลัก เริ่มต้นใหม่ เขาจะคิด อยู่เสมอว่า การเปลี่ยนเเปลง ในครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนเเปลง ครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะนำไปสู่ ความสำเร็จ เมื่อใจมาเเล้ว คุณก็จะเริ่มเกิดคำถาม ว่า… เเล้วจะเริ่มต้น จากตรงไหน ? เริ่มยังไงดี ? เปลี่ยนเเปลงอะไร บ้างหล่ะ ? เเนะนำว่า ให้เริ่มต้น โดยเปลี่ยน Mindset ตัวเองก่อน ถ้าคุณมี Mindset ที่เป็นบวก อารมณ์เเย่ๆ ที่เป็นเชิงลบ ของคุณ
หยุดเปรียบเทียบ
คุณต้องหยุด “เปรียบเทียบ” เดี๋ยวนี้เลย เพราะเมื่อคุณ เริ่มเปรียบเทียบ เมื่อไหร่ คุณจะได้ อารมณ์เชิงลบมาในทันที ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเห็นคนที่มีอายุ รุ่นราว คราวเดียว กับคุณ หรือ น้อยกว่าคุณ หรือไม่ก็ เพื่อนบ้านคุณ ประสบความสำเร็จ มีการงานใหญ่โต มีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์ หลายคัน จอดเรียงรายกันอยู่หน้าบ้าน ในขณะที่ ตัวคุณเอง ยังต้องเช่าบ้านอยู่ ขี่มอเตอร์ไซค์ตากฝน
เมื่อคุณ เริ่มกระบวนการคิด เช่นนี้ ลองถามตัวเองดูว่า คุณรู้สึกเช่นไร ? สิ่งที่ได้ น่าจะเป็น ความน้อยเนื้อต่ำใจ ห่อเหี่ยว หมดเรี่ยวเเรง กำลังใจ และ บางคน อาจเลวร้าย ไปกว่านั้น คือ “อิจฉา” เค้าอีก
สำหรับวิธีคิด ที่ถูกต้อง คือ เราต้องชื่นชม เเละ ยินดี ในความสำเร็จ ของผู้อื่น เเล้วเอาเค้า เป็นเเบบอย่าง โดยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องสำเร็จ ให้ได้เหมือนเค้า ศึกษาวิธีการ เเล้วลงมือทำ ไม่ต้องรีบเร่ง ฉลองให้ กับความสำเร็จ ทีละขั้น รักษากำลังใจ ไว้ให้ดี ตลอดเส้นทาง ในการเดิน ไปสู่เป้าหมาย คราวนี้ อารมณ์เชิงบวก ของคุณ จะมาเต็ม อย่างแน่นอน
ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้อง Perfect
การนิยม ความสมบูรณ์เเบบ (Perfectionism) เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้คุณ พลาดโอกาส เเละ เป็นตัวกีดกัน ความสำเร็จ เพราะไม่มีใคร ที่ทำอะไร แล้วสำเร็จ สมบูรณ์เเบบ ตั้งเเต่ครั้งเเรก ซึ่งถ้ามี ก็คงน้อยเต็มที ดังนั้น ถ้ามีโอกาส ผ่านมา แล้วคุณคว้าไว้ เพียงเพราะคิดว่า ความสามารถไม่พอ คุณก็พลาดแล้วล่ะ
สมมุติว่า คุณได้รับโอกาส ให้นำเสนอ นวัตกรรม ที่คุณคิดค้นขึ้น ต่อกลุ่มนักลงทุน เเต่คุณ ปฏิเสธโอกาสนี้ไป เพียงเพราะว่า คุณคิดว่า มันยังไม่เพอร์เฟค นั่นคือ การพลาดโอกาส อย่างเเรง คนที่ประสบความสำเร็จ ทั้งหลาย บนโลก คือ นักฉวยโอกาส เมื่อมีโอกาส ผ่านมา เค้าจะรีบคว้าไว้ ผลลัพธ์ จะเป็นเช่นไร ไม่ว่ากัน ขอให้ “ทำให้ดีที่สุด” เป็นพอ เพราะเรายังมี โอกาสเเก้ไข ในภายหลัง เเก้ไปเรื่อยๆ ทีละขั้น จนกว่ามัน จะเพอร์เฟค นั่นเอง
ให้นิยามใหม่ กับคำว่า “ผิดพลาด”
หลายคน ไม่กล้าเสี่ยง ทำเรื่องใหม่ๆ ที่ท้าทาย เพียงเพราะกลัว คำว่า “ผิดพลาด” กลัวจน ไม่กล้าออก จาก Comfort Zone ของตัวเอง อย่าว่า “ความกลัว” คือ ตัวหยุดยั้ง ความคิดสร้างสรรค์ เเละความสำเร็จใหม่ๆ ดังนั้น คุณควรนิยาม คำว่า “ผิดพลาด” เสียใหม่ ให้รู้จักมัน ในนามว่า “บทเรียน” แทน ก็เเล้วกัน ซึ่งให้ความรู้สึก ที่ดีกว่า เพราะทุกครั้ง ที่คุณผิดพลาด ก็หมายถึง คุณได้เรียนรู้ บทเรียนใหม่ อีกหนึ่งบท ยิ่งบทเรียน ราคาเเพงเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งจำ ได้ขึ้นใจ มากขึ้นเท่านั้น
หนักแน่น และ เป็นตัวของตัวเอง
เพราะไม่มีใคร รู้จักคุณดี เท่ากับตัวคุณเอง จะคิดอะไร หรือ จะทำอะไร คุณจะต้อง เป็นตัว ของคุณเอง เพราะ ในทุกสังคม มีคนที่หลากหลาย ต่างความชอบ ต่างนิสัย ซึ่งอาจมีทั้ง คนที่ชอบคุณ และ คนที่ไม่ชอบคุณ ดังนั้น คุณต้องหนักแน่น ในความคิด เพราะสิ่งที่คุณทำ ถึงมันจะดีเเค่ไหน แต่ในสายตา ของคนที่ไม่ชอบคุณ ก็จะคิดเสมอ ว่ามันไม่ดี ซึ่งถ้าคุณ ไม่หนักเเน่นพอ ก็จะโอนเอียง ไปตามกระเเส ความคิดเหล่านั้น และตัวคุณเอง ก็จะห่อเหี่ยว เเละยากที่ จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น ให้จำไว้ว่า อย่าให้ใคร มีอำนาจ การตัดสินใจ เหนือคุณ และ สิ่งที่คุณตัดสินใจ จะต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความถูกต้อง และ ไม่ทำให้คนอื่น เดือดร้อน
วิธีคิดบวก
หลายคนคงมีการตั้งเป้าหมายกันไว้ในหลาย ๆเรื่องที่คิดอยากจะให้เป็นจริง ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน ไล่ไปจนถึงเรื่องของความรัก และเรื่องอื่น ๆอีกเพียบ แต่ว่ากันว่าสิ่งใด ๆก็ตามจะสำเร็จจะประสบความสำเร็จได้ ต้องเปลี่ยนวิธีคิดโดยเฉพาะเรื่องของการคิดบวก ไปดูกันเลยดีกว่ากับคำแนะนำดี ๆกับวิธีคิดบวกเขาต้องอย่างไรกันบ้าง
- เห็นคุณค่าสิ่งดี ๆในชีวิตเมื่อเราพอใจกับทุกเรื่องดี ๆที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม มันจะช่วยให้เราขจัดความคิดในด้านลบออกไป การโฟกัสแต่สิ่งดี ๆเหล่านี้จะทำให้อุปสรรคที่เราเผชิญอยู่ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราจัดการได้ง่ายขึ้น
- รู้จักบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด อย่าเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้ในชีวิต ข้อสำคัญคือ มุ่งทำในเรื่องที่ทำให้ชีวิตของคุณเป็นไปดังที่หวังไว้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณมีทัศนคติที่ดี
- จินตนาการว่ามีสิ่งดี ๆเกิดขึ้น แปลกแต่จริงที่ว่าคนส่วนมากมักชอบวาดภาพเรื่องเลวร้ายกำลังเกิดขึ้น โดยมักจะพูดว่า “ถ้ามันเกิดขึ้น…” จงฝึกนึกถึงเรื่องดี ๆกำลังเกิดขึ้น มองเห็นภาพงานที่กำลังทำเดินไปด้วยดี (ไม่ว่าจะเป็นงานที่บ้านหรือที่ทำงาน) และได้รับคำชมจากคนรอบข้างว่า “เยี่ยมมาก” เพราะนั่นจะเป็นกำลังใจให้คุณคิดบวกต่อไป
- ความผิดพลาดมีไว้ให้เรียนรู้มิใช่แส้ที่เอาไว้เฆี่ยนตี ทุกคนล้วนเคยทำผิดทั้งนั้นและถึงแม้ว่าได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วแต่ก็ยังทำพลาด ขอให้จำไว้ว่ายังมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่ ความผิดพลาดต่างๆที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียน เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่จะทำต่อไปในอนาคต
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ถ้ารอบ ๆตัวเต็มไปด้วยข้าวของวางระเกะระกะ กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ลองหาเวลาจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณเปลี่ยนมุมมอง ความคิดได้มาก ใครจะมองโลกในแง่ดีได้ ถ้าต้องอยู่ท่ามกลางสภาพสกปรกรกรุงรังตลอดเวลา เพราะสภาพแวดล้อมที่ดี จะช่วยสร้างและเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดทัศนคติด้านบวก
- รับข้อมูลข่าวสารที่ดี หมั่นอ่านบทความที่สร้างแรงจูงใจหรือฟังธรรมะที่กระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว และเกิดปัญญา ซึ่งจะช่วยให้มองโลกและชีวิตได้อย่างเข้าใจ มีความหวัง และความสุข
- ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองและบอกตัวเองซ้ำ ๆ เพราะคำมั่นสัญญาดี ๆมีผลต่อกระบวนการคิดของตัวเอง เช่นถ้าคุณมีอาการซึมเศร้าเป็นประจำ คำมั่นสัญญาของคุณก็คือ “ฉันมีความสุข ฉันควบคุมตัวเองได้” บอกตัวเองเช่นนี้หลาย ๆครั้งในแต่ละวัน แล้วคุณจะรู้สึกถึงพลังความคิดด้านบวกที่เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านมหาดอทคอม / เวบไซต์ M Thai