Facebook ตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 30,000 ล้านบาท เข้าซื้อ Instagram แอปที่ยังไม่สามารถทำเงินได้แม้แต่บาทเดียว
ทำให้ Mark Zuckerberg ถูกตั้งข้อสังเกตว่าโง่เขลา ผิดพลาด และทุ่มเงินมหาศาลโดยเปล่าประโยชน์
แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น.. Instagram กลับกลายเป็นดีลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งของเขา
เรื่องราวทั้งหมดนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะย้อนกลับไปไล่เรียงเหตุการณ์นั้นกันอีกครั้งครับ..
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Kevin Systrom ร่วมมือกับ Mike Krieger สร้างแอปพลิเคชันสำหรับแบ่งปันรูปถ่ายที่ได้แรงบันดาลใจจาก Foursquare
แต่แทนที่จะเป็นแอปเช็คอินอย่างเดียว แอปมาพร้อมกับมีฟิลเตอร์เก๋ๆ สำหรับแต่งภาพ
ผู้ใช้งานสามารถใส่แท็ก และระบุโลเคชั่นของภาพถ่ายนั้น เพื่ออวดให้กับผู้ติดตามของตนบนโลกออนไลน์
ในขณะที่คนอื่นๆ ก็สามารถเลือกดูภาพของคนที่ชื่นชอบ แท็กที่ติดตาม หรือดูภาพจากสถานที่ต่างๆ ได้
ความแปลกใหม่นี้ ทำให้ Instagram ที่ปล่อยออกมา ฮิตมาตั้งแต่ช่วงแรก ภายในเวลา 2 เดือน มีผู้ใช้งานลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคน
และภายในปีเดียวหลังเปิดตัว ก็มีผู้ใช้งานแตะระดับ 10 ล้านคนแล้ว!!
แต่ตรงข้ามกับความโด่งดังและจำนวนผู้ใช้ Instagram ที่เติบโตเร็วเกินไป กลับเจอปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ทั้งดูแลพนักงาน ทั้งดูแลเซิฟเวอร์
เนื่องจากพวกเขายังไม่มีรายได้ใดๆ จากผู้ใช้ แถมยังขาดทุนไปแล้วเกือบ 100 ล้านบาท
เป็นธรรมดาของสตาร์ทอัปที่ขาดทุนอยู่ตลอด และจำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินจากนักลงทุน มาทำให้ธุรกิจพัฒนาต่อไปได้
ด้วยความโด่งดังของ Instagram ก็ช่วยดึงดูดนักลงทุนหลายราย
โดยเฉพาะในปี 2011 พวกเขาได้รับการติดต่อจาก Twitter เสนอเงินสูงถึง 16,000 ล้านบาท เพื่อซื้อ Instagram ไปอยู่ด้วย
แต่แทนที่จะขายบริษัทไปเลย Mike กลับมองว่าแอปของพวกเขา น่าจะมีมูลค่ามากกว่านั้น
ในขณะที่ Twitter ไม่พร้อมจะจ่ายเงินที่มากกว่าข้อเสนอเดิม ในที่สุดดีลดังกล่าวก็ล้มเหลว
และก็เป็น Mark Zuckerberg ที่ก้าวเข้ามาในปี 2012 พร้อมกับยอมควักเงิน 31,000 ล้านบาท ดูด Instagram เข้ามาอยู่ภายใต้เงา Facebook
มูลค่าที่ Mark ให้ Instagram นั้นสูงกว่าที่ Twitter ให้ไว้เกือบ 2 เท่า!!
ซึ่งสำหรับนักวิเคราะห์หลายๆ คนแล้ว มันเป็นเงินที่มากเกินไป..
Instagram เพิ่งเปิดมาได้ 2 ปีเท่านั้น มีพนักงานแค่ 13 คน มีคนใช้งานราว 100 ล้านคน และยังไม่มีรายได้อะไรเลย
แต่ Mark ไม่ได้คิดอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญมากกว่ารายได้ก็คือ.. การขยายเครือข่ายของ Facebook ให้กว้างขวางขึ้น
นับตั้งแต่ที่ถูก Facebook ซื้อไป Instagram ก็เติบโตขึ้นด้วยอัตราก้าวกระโดด
จากผู้ใช้งาน 100 ล้านคน ในปัจจุบัน Instagram มีผู้ใช้งานมากกว่า 1,000 ล้านคนต่อเดือน
ในขณะที่ทั้ง Facebook มีผู้ใช้งานอยู่ที่ราวๆ 2,600 ล้านคนต่อเดือน
WhatsApp และ Messenger ก็มีผู้ใช้งานรวมอีก 3,000 ล้านคน
เท่ากับว่าตอนนี้กลุ่มบริษัท Facebook ก็ครองโลกโซเชียลโดยสมบูรณ์
แล่งข้อมูลที่มา
www.investopedia.com/articles/personal-finance/030915/how-instagram-makes-money.asp
www.youtube.com/watch?v=Z2oh1LH45c8
influencermarketinghub.com/the-rise-of-influencer-marketing-on-instagram/
www.businessinsider.com/instagram-zuckerbergs-biggest-win-so-far-2016-1