คำนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive nouns) คือ การทำคำนามให้อยู่ในรูปของการแสดงความเป็นเจ้าของ สามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
1. การใช้ Apostrophe + s (‘s)
Possessive Form of Nouns
ในภาษาอังกฤษ นอกจากจะใช้คำ Possessive Adjectives, Possessive Pronouns แสดงความเป็นเจ้าของ แล้ว ยังมีคำแสดงความเป็นเจ้าของอีกกลุ่มด้วยเช่นกัน ซี่งเราเรียกคำกลุ่มนี้ว่า “Possessive Form of Nouns”
Possessive Form of Nouns เป็นคำนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ มีอยู่ 2 รูป คือ ‘s และ of มีวิธีใช้ดังนี้
1. ‘s อ่านว่า Apostrophe s ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ และใช้กับสิ่งที่มีชีวิต
2. of ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต
1. ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยวางไว้หลังคำนามที่เป็นเจ้าของ เช่น
ตัวอย่างการใช้ ‘s |
ความหมาย |
Kate’s car |
รถยนต์ของเคท |
จากตัวอย่าง…นักเรียนสังเกตการใช้ ‘s จะมีความแตกต่างกัน บางประโยคใช้ทั้ง ‘sบางประโยคใช้เฉพาะ ” ‘ ” เท่านั้น…มีหลักในการใช้อย่างไร…นักเรียนศึกษาตัวอย่างประโยคแสดงการใช้ ” ‘s ” ต่อไปนี้
หลักในการใช้ ‘s
1. นามที่เป็นเจ้าของที่มีรูปเป็นเอกพจน์ ให้ใส่ ‘s หลังคำนามได้เลย เช่น
ตัวอย่างประโยค | ความหมาย | อื่นๆ |
My mother’s dress is very beautiful. | ชุดของคุณแม่ของฉันสวยมาก | |
A dog’s tail is short. | หางของสุนัขสั้น | |
That girl’s candies are very sweet. | ขนมอมของเด็กคนนั้นหวานมาก |
2. ชื่อบุคคลที่เป็นเจ้าของลงท้ายด้วย s หรือไม่ได้ลงท้ายด้วย s ให้ใส่ ” ‘s ” หลัง ชื่อบุคคลนั้นได้เลย เช่น
ตัวอย่างประโยค | ความหมาย | อื่นๆ |
That is Tommy’s car. | นั่นคือรถยนต์ของทอมมี่ | |
Somchai’s dog is very fat. | สุนัขของสมชัยอ้วน | |
Those are Kanchana’s sisters. | ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นน้องสาวของกาญจนา | |
Mrs.Jones’ s sons are very naughty. | ลูกชายของนางโจนส์ซนมาก | |
James’s girlfriend is a singer. | แฟนสาวของเจมส์เป็นนักร้อง |
3. นามที่เป็นเจ้าของมีความหมายเป็นพหูพจน์ แต่รูปเป็นเอกพจน์ คือไม่ได้ลงท้ายด้วย s ให้ใส่ ” ‘s” หลังหลังคำนามนั้นได้เลย เช่น
ตัวอย่างประโยค | ความหมาย | อื่นๆ |
People’s cars are at the car park. |
รถของประชาชนจอดที่ ๆ จอดรถ | |
The police’s guns are short. | ปืนของพวกตำรวจสั้น | |
The women’s blouses are green. | เสื้อของผู้หญิงเหล่านั้นสีเขียว |
4.นามที่เป็นเจ้าของมีรูปเป็นพหูพจน์และลงท้ายด้วย s ให้ใส่เฉพาะ” ‘ ” เท่านั้น เช่น
ตัวอย่างประโยค | ความหมาย | อื่นๆ |
The students’ shoes are very big. |
รองเท้าของนักเรียนคู่ใหญ่มาก | |
My parents’ clothes are in the closet. |
เสื้อผ้าของคุณพ่อคุณแม่อยู่ในตู้เสื้อผ้า | |
The boys’ desks are big. | โต๊ะของเด็กพวกนั้นใหญ่มาก |
5. ถ้ามีเจ้าของมากกว่าหนึ่ง และมี and เชื่อม หรือเป็นเจ้าของร่วมกัน ให้วาง ‘ s หลังคำนามตัวสุดท้ายเท่านั้น เช่น
ตัวอย่างประโยค | ความหมาย | อื่นๆ |
Bill and Susan’s car is a European car. |
รถยนต์ของบิลและซูซันเป็นรถยุโรป | |
Bob and Kate’s father is a policeman. |
คุณพ่อของ บ๊อบและเคท เป็นตำรวจ | |
John, Andy and James’s house is green. | บ้านของจอห์น แอนดี้และเจมส์สีเขียว |
2. การใช้ of
มักใช้แสดงความเป็นเจ้าของสำหรับคำนามที่ไม่ใช่บุคคล โดยวาง of ไว้หน้าคำนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น The tail of a dog. (หางของหมา), The wings of a bird (ปีกของนก)
ตัวอย่าง
1. Pim is member of the basketball team.
(พิมเป็นสมาชิกของทีมบาสเก็ตบอล)
2. How long does it take to the top of Mt. Fuji?
(ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะถึงยอดภูเขาฟูจิ)
3. Do you know the meaning of this word?
(คุณรู้ความหมายของคำนี้ไหม?)
” Of ” มีความหมายว่า ของ ใช้แสดงความเป็นเจ้าของสำหรับสิ่งของและสถานที่ หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต ดังตัวอย่างจากตารางข้างล่างนี้
ตัวอย่างประโยค | ความหมาย | อื่นๆ |
The cover of this notebook is blue. |
ปกของสมุดเป็นสีฟ้า | |
The cover of this notebook is blue. |
เด็กชายคนนั้นยืนบนฝั่งน้ำ | |
The cover of this notebook is blue. | พวกนี้เป็นกิ่งก้านของต้นไม้ |