ต้นกำเนิดการนับ 1 สัปดาห์เท่ากับ 7 วันถูกบันทึกไว้เมื่อ 4,000 ปีก่อนในยุคชาวบาบิโลน อารยธรรมเมโสโปเตเมีย กำหนดวันตามดวงดาว 7 ดวงที่เชื่อว่ารวมตัวกันเป็นระบบสุริยะ และแนวคิดที่ว่าก็ถูกนำไปใช้ในตะวันออกกลางและยุโรปตามลำดับ
นั่นคือที่มาของคำว่า “สัปดาห์” แต่ยังไม่มีการพูดถึง “วันหยุดสุดสัปดาห์” แต่อย่างใด
เรื่องวันหยุดของแรงงานมีบันทึกย้อนไปในอาณาจักรโรมันโบราณ มีการทำงาน 8 วันและหยุด 1 วันเพื่อเป็นวันเปิดตลาดและประกอบพิธีทางศาสนา ขณะที่ปฏิทินของนักปฏิวัติฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 17-18 กำหนดให้แรงงานทำงาน 10 วันและได้หยุด 1 วัน เป็นต้น
ต่อมาแนวคิดเรื่องวันหยุด 1 วันต่อสัปดาห์เริ่มก่อกำเนิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยถูกนำไปยึดโยงอยู่กับการประกอบพิธีทางศาสนา เช่น ศาสนาคริสต์ มักจะหยุดงานใน “วันอาทิตย์” ศาสนายูดาห์ของชาวยิว จะหยุดใน “วันเสาร์” ขณะที่ศาสนาอิสลามจะหยุดใน “วันศุกร์”
นั่นจึงส่งผลให้ในยุโรปเริ่มมีการใช้ระบบการหยุดใน “วันอาทิตย์” มาใช้ในโรงงานต่างๆ ในช่วงศตวรรษที่ 19 เพื่อให้แรงงานได้มีเวลาว่างในการพักผ่อนและทำพิธีกรรมทางศาสนาเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
การหยุด “วันเสาร์” เริ่มต้นขึ้นในช่วงนี้เอง โดยมีบันทึกไว้ว่าเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างเจ้าของโรงงานและบรรดาแรงงานในอังกฤษให้แรงงานสามารถหยุดงานในช่วง “ครึ่งวันบ่าย” ของวันเสาร์ได้ หลังจากเกิดปัญหาแรงงานทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในวันจันทร์ หรืออาจถึงขั้น “หยุดงานในวันจันทร์” ที่เรียกกันเป็นธรรมเนียมว่า “เซนต์มันเดย์”
การเพิ่มวันหยุดสุดสัปดาห์จาก 1 วันครึ่งไปเป็นการหยุด 2 วันเต็มนั้นเป็นผลมาจากปัญหาวันหยุดทางศาสนาที่ไม่ตรงกันระหว่างแรงงานชาวคริสต์ ที่หยุด “วันอาทิตย์” และชาวยิว ที่นับเอา “วันสะบาโต” เป็น “วันเสาร์” เพื่อหยุดประกอบพิธีทางศาสนา
ด้วยปัญหาที่ว่านี้ ทำให้ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โรงงานในนิวอิงแลนด์ สหรัฐอเมริกา จึงเริ่มเปิดทางให้โรงงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้ และเริ่มมีหลายโรงงานใกล้เคียงใช้แนวปฏิบัตินี้ตามๆ กันไปด้วย
บริษัทแรกของโลกที่นำเอาแนวปฏิบัติในการหยุด “วันเสาร์-อาทิตย์” มาใช้และกำหนดชั่วโมงทำงานที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือวันละ 8 ชั่วโมง อย่างเป็นทางการก็คือ “เฮนรี่ ฟอร์ด” ผู้ก่อตั้ง “ฟอร์ด มอเตอร์” ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่
หลังใช้ระบบดังกล่าวพบว่าประสิทธิภาพการทำงานในโรงงานเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้เวลากับแรงงานในการใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้มีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจได้อีกด้วย
หลังจากนั้นมีกลุ่มสหภาพแรงงานในโรงงานอื่นๆ ที่เรียกร้องให้มีการหยุดเสาร์-อาทิตย์ตามมาอีกหลายแห่ง
จนกระทั่งสหรัฐอเมริกานำเอาแนวปฏิบัติทำงาน 5 วันและหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาบังคับใช้ในกฎหมายอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1932 ในที่สุด
แนวทางการหยุดเต็มวัน “เสาร์-อาทิตย์” ในยุโรปเกิดขึ้นตามมาโดยเริ่มต้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษช่วงปี ค.ศ.1933 โดย “จอห์น บู๊ต” เจ้าของโรงงานผลิตภัณฑ์เคมี ที่ต่อมาพัฒนาเป็นเครือข่าย “ร้านบู๊ทส์” ที่คนไทยรู้จักกันดี
จุดเริ่มต้นมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงงานในเมืองน็อตติ้งแฮม ที่บู๊ตเพิ่งเปิดขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต แต่ว่านั่นกลับทำให้มีสินค้ามากเกินความต้องการจนล้นสต๊อก
เดิมปัญหาดังกล่าวจะถูกแก้ไขด้วยการปลดแรงงานออกจากสายการผลิต แต่ “จอห์น บู๊ต” เลือกที่จะให้แรงงานหยุดงาน “วันเสาร์” เต็มวัน จากเดิมที่ทำงานครึ่งวันเช้าด้วย โดยยังคงกำลังคนเอาไว้เท่าเดิม และจ่ายค่าแรงเท่าเดิม
การลดเวลาการทำงานนอกจากจะแก้ปัญหาสินค้าล้นสต๊อกได้แล้ว ยังส่งผลให้แรงงานมีความสดใสและพร้อมทำงานในเช้าวันจันทร์ หลังจากมีเวลาว่างในการพักผ่อนและทำกิจกรรมกับครอบครัว
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่าการมีวันหยุด 2 วันเต็มในแต่ละสัปดาห์ยังช่วยลดการหยุดงานและมีผลดีกับประสิทธิภาพการผลิต
จนในที่สุดบู๊ตก็กำหนดให้การหยุดงานวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นนโยบายบริษัทอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1934
นั่นทำให้จอห์น บู๊ต ได้รับยกย่องในฐานะ “ผู้คิดค้น 5 วันทำงาน” ก่อนที่สหภาพแรงงานจะรวมพลังกันเรียกร้องให้หลายโรงงานใช้แนวปฏิบัติดังกล่าว ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นกฎหมายแรงงานในที่สุด
หลังจากนั้น แนวปฏิบัติการทำงาน 5 วันและหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็แพร่หลายไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มีประเทศในบางภูมิภาค เช่น ตะวันออกกลางที่มีวันหยุดในวันศุกร์-เสาร์ เพื่อให้สอดคล้องกับวันหยุดประกอบพิธีทางศาสนาในศาสนาอิสลามอยู่
นั่นก็คือที่มาของวันหยุด 2 วันต่อสัปดาห์สำหรับแรงงานทั่วโลก แต่ก็มีคำถามเช่นกันว่า แล้วจะเป็นไปได้ไหมที่แรงงานจะมีวันหยุดที่มากกว่า 2 วันในอนาคต?
คำตอบก็คือ มีการถกเถียงกันถึงเรื่องนี้กันมาบ้างแล้วและมีการทดลองใช้แล้วในบางประเทศ เช่น ในประเทศแกมเบีย ที่ประธานาธิบดีประกาศลดวันทำงานของข้าราชการลงเหลือ 4 วัน แต่เพิ่มชั่วโมงทำงานเป็น 9 ชั่วโมงต่อวัน เมื่อปี 2013 ก่อนจะเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวมาเป็นการทำงาน 4 วันครึ่ง เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูล https://www.matichonweekly.com/