คุณค่าทางโภชนาการของไข่
ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 50 กรัม ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี โปรตีน 7 กรัม ซึ่งโปรตีนชนิด FAO ได้จัดว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีที่สุด กล่าวคือ มีค่า Biological Value ประมาณ 100 ซึ่งหมายความว่าเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพในการดูดซึมสูงกว่าโปรตีนชนิดอื่น แถมยังมีไขมันเพียงแค่ 6 กรัมและยังให้วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี1, บี2, บี3, บี6 และ บี12 ธาตุเหล็ก lecithin เป็นต้น
แต่เมื่อมีการศึกษา ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับไข่ และภาวะการเกิดโรคของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร และมีการนำความรู้เหล่านั้นออกเผยแพร่ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน ไม่แน่ใจว่าเป็นอาหารที่บำรุงร่างกายหรือทำร้ายร่างกายกันแน่ ผู้ที่รักสุขภาพมากมายเริ่มไม่ชอบความอร่อยของไข่ เพราะกลัวโคเลสเตอรอลที่มากับไข่แดง บางคนถึงกับแยกกินเฉพาะไข่ขาวปราศจากไข่แดง แต่ไข่แดงกลับมีคุณค่าทางอาหารที่ดีที่สุด การเลือกกินเฉพาะไข่ขาวเพราะกลัวโคเลสเตอรอล ทำให้คุณพลาดคุณค่าที่ดีของไข่แดง เพราะในไข่แดงมีสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินเอ โฟเลตโคลีน และบรรดาเกลือแร่ต่าง ๆ แคลเซี่ยม เหล็ก
กินไข่ทุกวันปลอดภัย หรือ อันตราย
1. มหาวิทยาลัย North Carolina สหรัฐอเมริกา สนับสนุนให้กินไข่ทุกวัน เพราะเป็นแหล่งสารอาหารที่ถูกมากโดยเฉพาะโคลีนที่มีมากในไข่แดง ซึ่งช่วยให้ระบบเซลล์สื่อประสาททำงานได้ดี ช่วยเรื่องความจำ เด็ก ๆ ควรกินสม่ำเสมอเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องโคเลสเตอรอล
2. กินไข่ทำให้โคเลสเตอรอลตัวดีอย่าง HDL เพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ การมี HDL ทำให้อัตราส่วนโคเลสเตอรอลรวมกับ HDL ดีขึ้น สัดส่วนที่ดีหมายถึงเอาโคเลสเตอรอลรวมหารด้วย HDL ค่าที่ดีควรอยู่ที่ 2-3 ฟอง ในผู้หญิง และ 3-4 ฟองในผู้ชาย
3. กินไข่ไม่ทำให้อ้วน จากการติดตามศึกษากลุ่มคนที่รับประทานอาหารเช้าเป็นไข่เทียบกับกลุ่มที่ทานซีเรียลและขนมปัง เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่กินไข่เป็นอาหารเช้าจะมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยต่ำกว่าอีกกลุ่ม เป็นเพราะโปรตีนจากไข่ร่างกายจะค่อย ๆ ย่อยเป็นพลังงานอย่างช้าๆ ไม่เหมือนกับการกินคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันที่จะย่อยเร็วกว่า จึงทำให้หิวเร็วกว่าและทานซ้ำมากกว่า
4. แม้ว่าไข่จะมีโคเลสเตอรอลสูงถึง 200 มิลลิกรัม แต่สมาคมโรคหัวใจของอเมริกาได้ให้ข้อกำหนดว่าเราควรกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน
5. มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ทำการศึกษาว่าการกินไข่มากกว่าวันละฟองไม่ทำให้ความเสี่ยงของโรคหัวใจเพิ่มขึ้น แต่การปฏิเสธไม่กินไข่เลยหรือเลือกกินเฉพาะไข่ขาวไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เพราะร่างกายหากได้โคเลสเตอรอลไม่เพียงพอร่างกายเราก็จะพยายามผลิตออกมาเอง ซึ่งอาจจะมากกว่าการกินเข้าไป
6. การกินแบบพอดี ไข่วันละฟองหรือสัปดาห์หนึ่ง 3-4 ฟอง ไม่ก่อปัญหาให้มากแต่ที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการได้ไขมันส่วนเกินจากเครื่องเคียงเสียมากกว่า เช่น ไส้กรอกทอดที่อุดมด้วยน้ำมันทั้งนอกและใน ไข่เจียวอมน้ำมัน หรือขนมปังทาเนยจริงหรือเทียม ล้วนเป็นตัวสร้างปัญหาให้มากกว่าตัวไข่เอง
ควรบริโภคไข่เท่าไหร่ / ต่อวัน
คนไทยบริโภคไข่เพียง 132 ฟอง/คน/ปี ขณะที่คนญี่ปุ่นบริโภคถึง 347 ฟอง/คน/ปี คนจีน 310 ฟอง/คน/ปี คนมาเลเซีย 246 ฟอง/คน/ปี สหรัฐอเมริกา 243 ฟอง/คน/ปี สหภาพยุโรป 214 ฟอง/คน/ปี สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความเข้าใจผิดเรื่องโคเลสเตอรอลที่จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ
มีข้อแนะนำดังนี้
1.เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ให้ไข่แดงต้มสุกผสมกับข้าวบดให้ครั้งแรกปริมาณ น้อย ๆ ก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เด็กอายุ1 ปีขึ้นไป จนถึงวัยรุ่นบริโภคได้วันละ1 ฟอง
2.วัยทำงานสุขภาพปกติ บริโภค 3-4 ฟอง/สัปดาห์
3.ผู้ป่วย ที่เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ควรบริโภคไข่ 1 ฟอง/สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
ส่วนโคเลสเตอรอลที่มีในไข่นั้น จะอยู่เฉพาะในไข่แดง ส่วนของไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล ในไข่แดงยังมี เลซิธิน ซึ่งจะไปช่วยอิมัลซิฟายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวเป็นอนุภาพเล็ก ๆและ ไหลเวียนไปกับกระแสเลือด ป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด เลซิธินยังเป็น สารที่ช่วยบำรุงประสาท และสมอง จากคุณสมบัติของเลซิธินดังกล่าว จึงมีการผลิตขาย ในรูปของอาหารเสริม เพื่อช่วยป้องกันปลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงสมอง ทำให้สมองทำหน้าที่ได้อย่างปกติ ช่วยย่อยไขมัน ช่วยระบบภูมิคุ้มกัน แต่มีราคาแพงมาก ถ้าเรารับประทานไข่แดงร่างกายก็ได้รับเลซิธิน ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ในราคาถูกอีกด้วย
ประโยชน์ของไข่
1. ไข่มีโอเมก้า 3
กรดโอมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เพราะฉะนั้นการรับประทานไข่จึงเป็นวิธีหนึ่งในการทำให้ร่างกายได้รีบกรดโอเมก้า 3 นี้
- ช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคอัมพาต
- ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ที่ทำให้ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจขาดเลือด
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้
- ช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้น
- บำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ ทำให้มีความจำที่ดี และลดภาวะความจำเสื่อม
- ช่วยทำให้อาการอักเสบของกระดูกและข้อดีขึ้น
- ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี
- มีประโยชน์ต่อสตรีมีครรภ์ สำหรับเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดาอย่างยิ่ง จะช่วยพัฒนาระบบประสาท สายตาและสมองของเด็ก
2. ไข่มีโปรตีนและกรดอะมิโน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่จพเป็นต่อร่างกาย เพราะเป็นตัวช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะในร่างกายของเรา ใครที่ได้รับบากเจ็บ รับประทานไข่จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อ ดังนั้นคนที่ออกกำลังกาย จึงนิยมทานไข่กันมาก ไข่หนึ่งใบมีโปรตีนมากสุดถึง 6 กรัม ส่วนกรดอะมิโนก็เป็นตัวช่วยให้ร่างกายสามารถนำโปรตีนมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ไข่เพิ่มคอเรสเตอรอลดี (HDL)
หลายคนคงคิดว่าคอเรสเตอรอลเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่แท้ที่จริงแล้วคอเรสเตอรอลที่ดี ที่เรียกว่า “HDL” ดังนั้นผู้ที่มี HDL ในร่างกาย จะทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง อีกทั้งยังทำให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
4. ไข่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ชะลอความแก่ชรา
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์
- ลดระดับคอเรสเตอรอลภายในร่างกาย
5. ไข่มีลูทีน
ลูทีนเป็นสารที่มีอยู่ในดวงตาของเรา ช่วยปกป้องเรตินาและจอประสาทให้สมบูรณ์แข็งแรง ดังนั้นการที่รับประทานไข่เข้าไป ดวงตาจะเพิ่มสารลูทีน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ลูทีนยังประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย ช่วยบำรุงรักษาสายตาและพัฒนาการมองเห็นสำหรับเด็ก
6. ไข่มีโคลีน
สารโคลีนเป็นสารที่ดีต่อสมองและระบบประสาท เนื่องจากเป็นสารที่อยู่ตรงเยื้อหุ้มเซลล์และสมอง ไข่หนึ่งฟองประกอบไปด้วยโคลีนมากถึง 20% ดังนั้นการรับประทานให้ จึงทำให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง
7. ไข่มีแคลเซียม
ไข่ประกอบไปด้วยแคลเซียมมากถึง 50 มิลลิกรัม ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง บำรุงข้อต่อและกระดูก ลดความเสี่ยงต่ออาการอักเสบของข้อต่อได้ดี อีกทั้งยังบำรุงเล็บอีกด้วย
8. ไข่แดงมีธาตุเหล็ก
- ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
- ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
- ช่วยรักษาภาวะโลหิตจาง
- ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ลดภาวะอ่อนเพลียของร่างกาย
- ทำให้ผิวพรรณสุขภาพดี
9. ไข่มีวิตามินดี
- เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดี เมื่อเจ็บป่วย
- ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยบำรุงระบบหลอดเลือดและทางเดินหายใจ
- ช่วยดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
- ช่วยบำรุงสมอง
10. ไข่มีวิตามิเอ
- เสริมประสิทธิภาพในการมองเห็น
- ช่วยรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ
- ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด
- รักษาสิว รอยหมองคล้ำและจุดด่างดำบนผิวหนัง
บริโภคไข่อย่างไรให้ได้ประโยชน์
1.เลือกซื้อไข่ที่สด ใหม่ เปลือกไข่ไม่แตกหรือบุบร้าว
2.เช็ดเปลือกไข่ที่สกปรกให้สะอาด
3.ล้างมือทุกครั้งทั้งก่อนและหลังสัมผัสไข่
4.ควรเก็บไข่ไว้ในตู้เย็นเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
5.ควรบริโภคไข่ให้หมดภายใน2 สัปดาห์หลังจากซื้อ
6.กินแต่ไข่สุกเท่านั้น
7.กินไข่หลากหลายเมนู เช่น ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว และไข่น้ำ
8.กินไข่ร่วมในอาหารหลัก 5 หมู่
9.หลีกเลี่ยงอาหารไขมันและโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันจากสัตว์
10.ออกกำลังกายเป็นประจำ
เราควรทานไข่วันกี่ฟอง?
- เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ยังไม่ควรกินทั้งฟอง สามารถนำไข่แดงและไข่ขาวมาบดกับอาหารอื่น ทานควบคู่กันไป
- เด็กที่มีอายุ 7 เดือนขึ้นไปจนถึงวัยรุ่น อายุประมาณ 18 ปี สามารถรับประทานได้วันละ 1 ฟอง
- วัยทำงาน ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ควรรับประทานไข่ 3 – 4 ฟองต่อสัปดาห์ หรือวันละ 1 ฟอง
- วัยผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน ควรรับประทานสัปดาห์ละ 1 ฟอง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ผู้สูงอายุ สามารถรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง หากมีโรคประจำตัว ควรรับประทานไข่สัปดาห์ละไม่เกิน 3 ฟอง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
ที่มาข้อมูล: http://www.thaihealth.or.th/ และ https://www.happyfresh.co.th/