เรียนออนไลน์ที่บ้านอย่างไรให้มีสมาธิ
1.ให้ใช้แอพพลิเคชั่นช่วยโฟกัส
การเรียนด้วยระบบอินเทอร์เน็ตอาจจะทำให้ผู้เรียนหลุดสมาธิได้ง่ายๆ ซึ่งตัวช่วยที่จะมาทำให้โฟกัสของเราดีขึ้นก็มีหลายแอพพลิเคชั่น เราจะลองยกตัวอย่างมาให้ดูคร่าวๆ สัก 3 แอพพลิเคชั่น
Coffitivity : แอพพลิเคชั่นจำลองบรรยากาศเสียงร้านกาแฟที่มีให้เลือกหลากสไตล์มากๆ มีทั้งเสียงร้านกาแฟตอนเช้าที่มีคนเดินเข้าบ่อยๆ หรือเสียงคนพูดคุยกันในร้านก็มีให้เลือกเหมือนกัน ทำไมต้องเป็นเสียงในร้านกาแฟนะ? ก็เพราะเคยมีงานวิจัยออกมาแล้วว่า เสียงในร้านกาแฟมีส่วนช่วยกระตุ้นให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
Brain.fm : เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือที่มีซาวด์แทร็กให้เลือกยาวนานถึง 2 ชั่วโมง ดนตรีในแอพนี้ถูกออกแบบมาช่วยให้ผู้ฟังโฟกัส ผ่อนคลาย หรือเพื่อนอนหลับสบายก็ได้เหมือนกัน มีให้เลือกตั้งแต่เสียงระฆัง ดนตรี เสียงฝนตก และอื่นๆ อีกมากมาย
Cold Turkey Blocker : ใช้ได้ทั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ macOS และ Windows แอพพลิเคชั่นนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเผลอกดเข้าไปเล่นอินเทอเน็ตในช่วงเวลาทำงานหรือเรียนบ่อยๆ เพียงเราตั้งค่าเวลาที่ต้องการล็อคการเข้าถึงเว็บไซต์อื่นๆ ไว้
เจ้าตัวนี้ก็จะช่วยปิดและล็อคการเข้าถึงไว้ตามกำหนดเวลาที่ต้องการ ซึ่งแอพฯ นี้ยังเหมาะกับคนที่เสพติดการเข้าอินเทอเน็ตเป็นประจำมากๆ แล้วต้องการปรับพฤติกรรมตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
2.ตั้ง To-do list ที่จะทำในแต่ละวัน
สิ่งที่ยากที่สุดเมื่อเราต้องเรียนด้วยตัวเองจากที่บ้านก็คือ การลุกออกมาจากเตียงและทำภารกิจในแต่ละวันให้สำเร็จลุล่วงเหมือนอยู่ในห้องเรียน ฉะนั้นลิสต์แรกๆ ที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นการทำ ‘To-do
หรือรายการสิ่งที่ต้องทำในวันนั้น เป็นการกำหนดขอบเขตเป้าหมายที่จะช่วยให้ผู้เรียนจัดสรรปริมาณงานในแต่ละวันได้เหมาะสม
บทความจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า การกำหนดตารางสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันช่วยให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างเช็คลิสต์และความสำเร็จของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเราบรรลุเป้าหมายในการทำลิสต์แต่ละข้อสำเร็จ ร่างกายจะหลั่ง ‘โดปามีน’ (Dopamine) หรือสารแห่งความสุขซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เรามีพลังงานในการทำเป้าหมายใหญ่ๆ ลำดับถัดไป ถ้าเรามีสิ่งที่ต้องทำเยอะมากแนะนำว่า ให้เริ่มจากงานที่เล็กและเรียบง่ายก่อน ตัวเราเองก็อาจจะรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเป้าหมายค่อยๆ สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันจับต้องได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป การวางเป้าหมายเล็กๆ แต่ชัดเจนในแต่ละวันให้เริ่มจากการตั้งไว้ 3 ข้อก่อนก็ได้ กำหนดว่าเราจะทำทั้ง 3 สิ่งนี้ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลากี่ชั่วโมง จากนั้นเมื่อทำสำเร็จแล้วค่อยตั้งเป้าหมายอื่นๆ เพิ่มไปอีกทีละ 3 อย่าง ดูให้แน่ใจว่าเป้าหมายทั้ง 3 เหมาะสมกับความสามารถของเราในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยเราแยกลิสต์ใหญ่ๆ ที่ดูเยอะและหนักอึ้งออกมาเป็นเป้าหมายเล็กๆ แต่สม่ำเสมอได้
3.จดบันทึกและย้อนกลับมาดูภายหลังเพื่อทบทวน
การเรียนด้วยระบบ ‘remote learning’ อาจทำให้หลายคนไม่ชินและเข้าใจไปว่า การเรียนทางไกลคงจะทำให้เรียนได้ไวกว่าหลักสูตรทั่วไปในห้องเรียน แต่จริงๆ แล้ววิธีการแบบนี้เป็นเพียงการย้ายแพลตฟอร์มจากห้องเรียนมาสู่คอมพิวเตอร์เท่านั้น
การเรียนแบบนี้มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือ เราสามารถเข้าไปดูเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งตรงนี้แหละที่อาจจะทำให้ผู้เรียนสูญเสียโฟกัสไปมากกว่าตอนเรียนในห้อง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แม้จะอยู่ที่บ้านและเรียนจากคอมพิวเตอร์ได้แต่การ ‘take note’ หรือจดบันทึกก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและมีส่วนช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากผลการวิจัยบอกว่า การใช้งานด้วยระบบแล็ปท็อปเพียงอย่างเดียวทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนลดลงราวๆ 40%
4.เปลี่ยนบรรยากาศห้อง เพิ่มความ productive มากขึ้น
การเพิ่มหรือลดสีสันภายในห้องช่วยกระตุ้นไอเดียความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้างพลังงานใหม่ๆ ให้เราลุกขึ้นมาเรียนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยนะ ยกตัวอย่างเช่น มีการพิสูจน์แล้วว่าสีส้มมีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงาน และทำให้สมองปลอดโปร่งคิดไอเดียใหม่ๆ ออกมาได้ดี ส่วนพื้นที่รอบข้างควรตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม บวกกับหมอนหรือผ้าห่มสีส้มจะช่วยปรับสมดุลให้พื้นที่ภายในห้องไม่จัดจ้านหรือเทไปที่เฉดใดเฉดหนึ่งจนเกินไป เก็บของที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานออกไปจากบริเวณนั้นให้หมด และเปลี่ยนพื้นที่บนโต๊ะด้วยการจัดวางอุปกรณ์แบบสำนักงานแทน
ขอบคุณข้อมูล
fnu.edu,iacet.org,elearningindustry.com,blog.online.colostate.edu,zapier.com,
https://thematter.co/social/how-to-stay-focused-to-remote-learning/104753
และ https://www.motiongraphicplus.com/