ประติมากรรม
ประติมากรรม (Sculpture) หมายถึง ผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการสร้างรูปทรง 3 มิติ มีปริมาตร มีน้ำหนักและกินเนื้อที่ในอากาศ โดยการใช้วัสดุชนิดต่าง ๆ วัสดุที่ใช้สร้างสรรค์งานประติมากรรม จะเป็นตัวกำหนดวิธีการสร้างผลงาน ความงามของงานประติมากรรม เกิดจากการแสงและเงาที่เกิดขึ้นในผลงานการสร้างงานประติมากรรมทำได้ 4 วิธี คือ
1. การปั้น (Casting) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่เหนียว อ่อนตัว และยึดจับตัวกันดี วัสดุที่นิยมนำมาใช้ปั้น ได้แก่ ดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูน ขี้ผึ้ง กระดาษ หรือ ขี้เลื่อยผสมกาว เป็นต้น
2. การแกะสลัก (Carving) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่แข็ง เปราะ โดยอาศัยเครื่องมือ วัสดุที่นิยมนำมาแกะ ได้แก่ เทียน ไม้ หิน กระจก ปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
3. การหล่อ (Molding) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่หลอมตัวได้และกลับแข็งตัวได้ โดยอาศัยแม่พิมพ์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดผลงานที่เหมือนกันทุกประการตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป วัสดุที่นิยมนำมาใช้หล่อ ได้แก่ โลหะ สำริด ปูน ขี้ผึ้ง เรซิ่น พลาสติก ฯลฯ
4. การประกอบขึ้นรูป (Construction) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ โดยนำวัสดุต่าง ๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน และยึดติดกันด้วยวัสดุต่าง ๆ
ประเภทของงานประติมากรรม
1.ประติมากรรมแบบนูนต่ำ (Bas Relief ) เป็นรูปที่เป็นนูนขึ้นมาจากพื้นหรือมีพื้นหลังรองรับ มองเห็นได้ชัดเจนเพียงด้านเดียว คือด้านหน้า มีความสูงจากพื้นไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรูปจริง ได้แก่ รูปนูนแบบเหรียญ รูปนูนที่ใช้ประดับตกแต่งภาชนะ หรือประดับตกแต่งอาคารทาง สถาปัตยกรรม โบสถ์ วิหารต่างๆ พระเครื่องบางชนิด
2.ประติมากรรมแบบนูนสูง (High Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ ในลักษณะเช่นเดียวกับแบบ นูนต่ำ แต่มีความสูงจากพื้นตั้งแต่ครึ่งหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป ทำให้เห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และเหมือนจริงมากกว่าแบบนูนต่ำและใช้งานแบบเดียวกับแบบนูนต่ำ
3.ประติมากรรมแบบลอยตัว (Round Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ ที่มองเห็นได้รอบด้าน ได้แก่ พระพุทธรูป เทวรูป รูปตามคตินิยม รูปบุคคลสำคัญ รูปสัตว์ รูปเคารพต่าง ๆ ภาชนะต่าง ๆ ฯลฯ
ท่ามกลางประติมากรรมเก่าแก่มากมายที่ถูกค้นพบในโลกปัจจุบัน เช่น รูปปั้นแกะสลัก Lion-man ที่ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1939 ในถ้ำแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมัน จากการได้ตรวจสอบทำให้เราได้รู้ว่า รูปปั้นแกะสลัก Lion-man มีอายุอยู่ระหว่างราวๆ 35,000 – 40,000 ปีก่อนยุคประวัติศสาตร์หรืออาจจะคาบเกี่ยวกันระหว่างยุคก่อนหรือหลังที่เริ่มมีการจดบันทึกประวัติศาสตร์ ส่วนประติมากรรมแบบอื่นๆ ที่โดดเด่นมาจากช่วงยุคก่อนประวัติศสาตร์เหมือนกันก็คือประติมากรรมวีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟ ประติมากรรมขนาด 4.4 นิ้ว เป็นงานแกะสลักรูปเรือนร่างของผู้หญิง ถูกขุดค้นพบที่ถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรีย มีการประมาณอายุคร่าวๆของประติมากรรมชิ้นนี้ว่าน่าจะมีอายุอยู่ในช่วง 24,000 – 22,000 ปีก่อนประวัติศาสตร์ และนอกจากนี้ยังมีประติมากรรมในช่วงแรกเริ่มอย่างมหาสฟิงซ์ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นประติมากรรมอันยิ่งใหญ่จากยุคอียิปต์โบราณ
ในขณะที่ยุคกรีกและโรมันเก่าประติมากรรมส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรูปสลักที่แสดงถึงการเคารพต่อเทพเจ้าหรือไว้เพื่อเชิดชูเกียรติยศต่อพระมหากษัตริย์ของพวกเขา เช่นประติมากรรมแกะสลักเทพีวีนัสหรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า วีนัส เดอมิโล รูปปั้นแกะสลักร่างของเทพีสาวแห่งกรีก ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความสวยงาม ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าผลงานประติมากรรมชิ้นนี้ จะเป็นงานประติมากรรมที่โด่งดังที่สุดในยุคกรีกโบราณ ในช่วงการปกครองของจักรพรรดิคอนสตันไทน์มหาราช คริสตศาสนาในยุคนั้นเริ่มมีการปรับเปลี่ยนการสักการะบูชาเทพหรือเทพีที่เป็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ และในเวลานั้นทางประเทศแถบยุโรปก็เริ่มสร้างประติมากรรมที่มาจากตัวละครและเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมา ท่ามจำนวนผลงานแกะสลักที่โดดเด่นอย่างรูปปั้นเดวิด ก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากศิลปินมากฝีมือในยุคเรอเนซองส์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างโดนาเตลโล และไมเคิลแองเจโล แล้วยังมีผลงานประติมากรรมที่โดดเด่นที่สุดในยุคนั้นอีกชิ้นหนึ่งคือ The Thinker ที่ถูกสร้างโดยศิลปินชาวฝรั่งเศสชื่อว่า โอกุสต์ รอแด็ง และตอนนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ 10 ประติมากรรมที่โด่งดังที่สุดในโลกกัน
เช่น ECSTASY OF SAINT TERESA , PIETA ,รูปปั้นเดวิด (THE BRONZE DAVID),มหาสฟิงซ์แห่งกิซ่า (The Great Sphinx of Giza), กริชตูเรเดงโตร์ พระคริสต์ผู้ไถ่ (CHRIST THE REDEEMER),แมนเนเกน พิส เด็กชายกำลังปัสสาวะ (MANNEKEN PIS) , วีนัส เดอมิโล (VENUS DE MILO) , ดาวิด (มีเกลันเจโล) DAVID , เทพีแห่งเสรีภาพ (STATUE OF LIBERTY) ,คนครุ่นคิด (รอแด็ง) (THE THINKER) และ อื่นๆ