ใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกที เชื่อว่าหลายคนมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างดิบดี แต่พอพ้นวันปีใหม่ไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ล้มเลิกความตั้งใจตอนต้นเสียแล้ว
ในการตั้งเป้าหมาย ที่จะทำให้มีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากขึ้น กับการตั้งเป้าหมายด้วยหลักการที่มีมานานแล้ว แต่น้อยคนนักที่รู้จัก อย่างหลักการที่ชื่อว่า ” S.M.A.R.T ” ว่าแต่หลักการนี้จะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้อย่างไร และจะมีความเป็นไปได้ขนาดไหน หยิบกระดาษ แล้วมาตั้งเป้าหมายไปพร้อมๆ กันตอนนี้เลย
S (specific)
: การตั้งเป้าหมายต้องตั้งอย่างเฉพาะเจาะจง ระบุให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไร อย่างเช่น ปีหน้าอยากมีรถ ก็ให้ระบุไปเลยว่ารถที่ว่า เป็นรุ่นไหน สีอะไร เพื่อที่จะทำให้เราเห็นเป้าหมายเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น
M (measurable)
: คือเป้าหมายของคุณสามารถวัดผลเป็นตัวเลขได้หรือไม่ อย่างเป้าหมายคุณคือความรวย ความรวยที่ว่านี้ต้องบอกเป็นตัวเลขได้ เช่น ต้องมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 5 แสนบาท เป็นต้น หรือถ้าเป้าหมายของคุณคือความสุขที่ได้อยู่กับคนในครอบครัว ก็กำหนดไปเลยว่าอาทิตย์นึง ต้องใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวอย่างน้อยกี่วัน
A (achievable)
: หมายถึงความเป็นไปได้ หากคุณตั้งเป้าจะมีรายได้ 5แสนบาทต่อเดือนภายใน 1 ปี แต่ปัจจุบันยังมีเงินเดือนแค่ 15,000 บาท อยู่ ก็คงจะเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยาก และเมื่อถึงกำหนด หากทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ได้ ก็จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจในการทำเป้าหมายในครั้งต่อไป
R (relevance)
: เป้าหมายสำคัญนี้สำคัญกับคุณแค่ไหน เพราะถ้ามันไม่ได้สำคัญกับคุณมาก คุณก็จะไม่มี passion ในการทำให้มันสำเร็จ
T (time-bound)
: ต้องมีระยะเวลาที่แน่นอน ว่าเป้าหมายจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะถ้าทำไปเรื่อยๆ แบบไม่มีกรอบเวลากำหนด ก็จะทำให้เราไม่มีแรงกดดันในการทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ ซึ่งการกำหนดกรอบเวลาที่แนะนำ คือการ countdown วัน เพราะจะทำให้เราเห็นกรอบเวลาได้ชัดเจนที่สุด
ที่มา : วิสูตร แสงอรุณเลิศ / หนังสือฉันเปลี่ยนเพราะเขียนเป้า / http://www.impressionconsult.com






