ปัญหายอดฮิตของมือถือที่ใช้มาแล้วหลายปี ก็คืออาการแบตเตอรี่เสื่อม ของมือถือ iPhone และ Android ซึ่งเป็นอาการสามัญที่มือถือทุกเครื่องจะต้องประสบเมื่อใช้งานมาแล้วมากกว่า 2 ปีขึ้นไป
1. แบตเตอรี่ลดเร็วกว่าปกติ
ถ้าหากปกติแบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มแล้วสามารถใช้งานได้ทั้งวันแบตเตอรี่จึงจะใกล้หมด แต่ถ้าหากแบตเตอรี่เริ่มหมดเร็วกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด เช่น ใช้ได้ไม่ถึงครึ่งวันหรือหมดเร็วกว่านั้น ก็เป็นตัวบ่งบอกว่าแบตเตอรี่นั้นมีการเสื่อมสภาพค่อนข้างมากแล้ว รวมทั้งเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ที่ลดลงเรื่อย ๆ ขณะใช้งานถ้าหากลดครั้งละหลายเปอร์เซ็นต์ก็เป็นอาการของแบตเตอรี่เสื่อมเช่นกัน (ตามปกติแล้วจะลดครั้งละ 1%)
2. ความจุไฟลดลง
แบตเตอรี่เมื่อผ่านการใช้งานแล้วความจุจะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุการใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่ที่เริ่มเสื่อมสภาพจะมีความจุไฟน้อยกว่าแบตเตอรี่ใหม่ ๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยส่งผลให้เวลาชาร์จจะเต็มไวกว่าปกติ และแบตเตอรี่ก็จะหมดเร็วกว่าปกติ
3. ปริมาณแบตเตอรี่ไม่คงที่
ปริมาณของแบตเตอรี่ที่แสดงเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์นั้น ในกรณีที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพอาจมีอาการแสดงเปอร์เซ็นต์ไม่คงที่ เช่น เพิ่งชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% แต่ผ่านไปไม่กี่นาทีแบตเตอรี่ก็ลดลงเหลือ 70% แต่พอผ่านไปสักพักกลับขึ้นมาเป็น 85% ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จเพิ่ม
4. เครื่องดับแบบไร้สาเหตุ
ถ้าหากมีอาการเครื่องดับขณะใช้งานตามปกติ โดยที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอย่างอื่น เช่น เครื่องค้างหรือแอปฯ ค้าง รวมทั้งการที่เครื่องดับขณะที่ไม่ได้ใช้งาน คือเมื่อหยิบเครื่องมาจะใช้งานก็พบว่าเครื่องดับไปเสียแล้ว อาการดังกล่าวก็อาจมาจากแบตเตอรี่เสื่อมด้วยเช่นกัน
5. แบตเตอรี่บวม
แบตเตอรี่ที่เสื่อมมาก ๆ อาจมีอาการปูดบวมของตัวแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าหากเป็นมือถือสมัยก่อนที่สามารถเปิดฝาถอดแบตเตอรี่ออกมาดูได้ก็จะสามารถมองเห็นได้ชัด แต่สำหรับมือถือยุคใหม่ที่เปิดฝาหลังเครื่องไม่ได้ ถ้าหากแบตเตอรี่บวมก็อาจดันฝาหลังหรือหน้าจอให้ปูดบวมหรืออ้าเผยอขึ้นมา
6. แบตเตอรี่ใช้มาหลายปีแล้ว
วิธีดูว่าแบตเตอรี่มือถือเสื่อมแล้วหรือยัง
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นตามปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2-4 ปี
สาเหตุที่ทำให้แบตเสื่อม
เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นสาเหตุ นอกเหนือจากการใช้งานปกติมาให้ดูกัน ว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้
1. การเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่
การชาร์จแบตปกติที่คนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก คิดว่าแค่เสียบๆ ไป ให้ไฟเข้าก็พอ ความเข้าใจแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดแน่นอน การเสียบสายก่อนชาร์จ และหลังชาร์จ ก็มีขั้นตอนอยู่พอสมควร เพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่ และยังช่วยรักษาระบบภายในของตัวมือถือได้อีกด้วย วิธีการเสียบสายชาร์จก็มได้ยุ่งยาก เพียงแค่ต้องระวังนิดหน่อย มีวิธีทำตามนี้
แบตเสื่อม Li-Po samsung
ถ้าเป็นอุปกรณ์ชาร์จแบต แบบแยกส่วน ที่มี USB กับ Adapter แยกกันมา ส่วนใหญ่สมาร์ทโฟนสมัยนี้มักจะแยกกันมาให้แล้ว เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน และการเปลี่ยนอุปกรณ์ ให้เสียบสาย USB เข้ากับตัว Adapter ก่อน แล้วจึงนำไปเสียบกับปลั๊ก ถ้าไม่ใช่อุปกรณ์แยกก็ให้เสียบ Adapter เข้ากับปลั๊กก่อนเหมือนกัน
เมื่อเสียบ Adapter เข้าปลั๊กเรียบร้อยแล้ว ถึงจะเสียบหัวฝั่ง MicroUSB เข้ากับตัวมือถือ
เมื่อแบตเต็มให้ดึงหัวฝั่ง MicroUSB ออกก่อน แล้วค่อยถอด Adapter ที่ปลั๊กออก
วิธีทำแบบนี้ จะช่วยให้ไฟที่เข้าไปสู่แบตเตอรี่ในมือถือ ไม่เกิดการกระชาก ที่เป็นสาเหตุของแบตเตอรี่ที่เสื่อมได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ระบบในตัวเครื่องเสียหายอีกด้วย
2. ใช้มือถือจนแบตหมด
หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้วบ้าง ว่าการใช้มือถือจนแบตหมด เป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเสื่อมได้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่คิดว่า การใช้แบตให้หมดไปเลยค่อยชาร์จให้เต็มไม่เป็นอะไร ซึ่งมันสามารถทำได้จริง ในแบตเตอรี่ประเภทเก่าแก่ที่ใช้วัสดุ อย่างพวก นิกเกิล – แดคเมียม (Ni-Cd) ที่มีระบบ Memory Effect ที่หากแบตยังไม่หมดแล้วนำไปชาร์จ ก็จะทำให้ตัวแบตนั้นมีความจุลดลงได้
แบตเสื่อม empty
แต่ในสมัยใหม่ ที่มีการใช้แบตเตอรี่ประเภท Lithium Ion (Li-Ion) และ Lithium Ion Polymer (Li-po) ที่มีการจัดระบบเป็นแบบ Charge Cycle คือนับรอบตามการชาร์จเมื่อครบ 100% ถ้าหากปล่อยให้แบตหมดจนเหลือ 0% บ่อยๆ จะยิ่งทำให้แบตเสื่อม และคายประจุออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วแบตมือถือเราก็จะจุได้น้อยลง ทางที่ดีควรชาร์จไว้เสมอ ก่อนเครื่องดับไป
3. ใช้เครื่องจนร้อนเกินไป
เราคงเคยเล่นเกมที่ใช้สเปคสูงนานๆ หรือเล่นมือถือตอนตากแดด แล้วรู้สึกว่าทำไมเครื่องมันร้อนจัดขนาดนี้ นั่นก็เพราะแบตเตอรี่ที่ทำงานหนัก จนทำให้เกิดอุณภูมิที่ร้อนขึ้น และเมื่อร้อนมากๆจนเกินมาตรฐาน ที่ทางผู้ผลิตตั้งเอาไว้ ก็จะทำให้ เซลล์ของแบตเตอรี่ค่อยๆ เสื่อมลงตามไปด้วย เมื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้แบตปล่อยประจุมากขึ้น สุดท้ายก็ทำให้แบตค่อยๆ ลดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะทิ้งเครื่องวางไว้เฉยๆก็ตาม
แบตเสื่อม temp
การเลือกใช้เคส ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ตัวเครื่อง ของมือถือเก็บความร้อนไว้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะพวกเคสที่เป็นสิลิโคนแข็ง และระบายความร้อนออกยาก ยิ่งเราใช้งานหนักก็ยิ่งทำให้ตัวเครื่องร้อนเร็วขึ้น ส่งผลไปยังแบตเตอรี่ที่ร้อนตามไปด้วย และทำให้แบตเสื่อมไปในที่สุด
4. เปิดแสงหน้าจอสว่างสุดค้างไว้
การใช้งานแอปพลิเคชันในมือถือ ทุกแอปฯล้วนต้องใช้ปริมาณทรัพยากรณ์แบตเตอรี่เยอะอยู่แล้ว แต่การที่เราเปิดแสงหน้าจอ โดยปรับไว้ที่ความสว่างสุด ถึงแม้จะปิดแอปฯไปหมดแล้วก็ตาม ก็ยิ่งทำให้แบตเตอรี่ใช้งานหนักมากขึ้นตามไปด้วย
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล https://mobile.kapook.com/ และ https://specphone.com