โรคจิตหลงผิด (delusional disorder) เป็นความผิดปกติทางจิตใจที่มีอาการหลงผิดหนึ่ง หรือหลายอย่าง แต่ไม่มีอาการ และอาการแสดงของโรคทางจิตเวชอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น schizophrenia และไม่มีอาการประสาทหลอน (hallucinations) ที่ชัดเจน. อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการหลงผิดบางรายอาจพบอาการประสาทหลอนทางสัมผัส (tactile hallucinations) หรือประสาทหลอนทางกลิ่น (olfactory hallucinations) หากว่าอาการเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาของความหลงผิด และอาการไม่ได้เป็นจากผลโดยตรงด้านสรีรวิทยาจากสาร (เช่น สารเสพติด ยา) หรือจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคจิตหลงผิด จะทำงานได้ตามปกติ และไม่แสดงพฤติกรรมที่แปลกพิลึกพิลั่นออกมา แต่เดิมเคยเรียกผู้ป่วยโรคจิตหลงผิดว่า paranoia.
อาการคันที่แตกต่างกัน
แม้ว่าจะเป็นอาการคัน แต่ใช่ว่าอาการคันจะเกิดขึ้นเหมือนกันในแต่ละสาเหตุ หลายท่านมีอาการคันเมื่อร่างกายตอบสนองต่อละอองเกสร ถั่ว และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันสร้างสารเคมีที่เรียกว่า ฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งทำให้เกิดอาการปวด คัน แดง
ปัญหาจากระบบประสาทเช่น โรคงูสวัด (Shingles) อาจทำให้รู้สึกชาและมีอาการเป็นเหน็บพร้อมกับอาการคัน หรือโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ที่มีอาการคันร่วมกับอาการแสบร้อน คล้ายถูกมดคันไฟกัด นอกจากนี้ยาชนิดออาจก่อให้เกิดอาการคันได้
เคล็ดลับลดอาการคัน
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นที่นานเกินไป เนื่องด้วยเป็นสาเหตุของผิวแห้งที่ทำให้เกิดอาการคัน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังที่อ่อนโยน
- ทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อาการและการวินิจฉัย
ยังไม่แน่ชัด พบว่าผู้ป่วยจำนวนมากให้การวินิจฉัยด้วยตนเองว่าเป็นโรคนี้ โดยมักบรรยายว่ามีอาการคือรู้สึกว่ามีตัวอะไรมาไต่ตามผิวหนัง, มีผี่นผิวหนังที่ไม่หาย, พบเส้นใยไฟเบอร์, เม็ด หรือผลึกบน หรือในผิวหนัง และดึงออกมาได้, มีอาการปวดข้อ กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง, มีอาการเหนื่อยอ่อนมาก และมีความผิดปกติเกี่ยวกับการรับรู้ ได้แก่มีความจำ และสมาธิสั้น.
การรักษา
ยังไม่มีแนวทางการรักษาโรคนี้ที่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าแพทย์ต้องมี rapport (ความเป็นมิตร, ความเห็นอกเห็นใจ) กับผู้ป่วย โดยไม่ควรเรียกโรคนี้ตรงๆ ว่าอาการหลงผิด (delusion) แต่ควรเรียกว่าโรค Morgellons ต้องพยายามหาสาเหตุทางกายให้ละเอียดเพื่อแยกโรคทางกายให้หมดก่อน จึงอธิบายแนวทางการรักษาให้ผู้ป่วยฟัง มีการใช้ยาบางขนานรักษาโรคนี้เช่น pimozide ในขนาดวันละ 0.5-2.0 มก