ที่มาของเครื่องยนต์ 3 สูบ เพิ่งจะมานิยมในช่วง 5-6 ปีทีผ่านมา ในไทย เครื่องยนต์ 3 สูบ ยุคใหม่ เริ่มจาก Nissan ผู้ริเริ่มรถยนต์ในกลุ่มอีโค่คาร์ จากนั้น เครื่องยนต์ 3 สูบ ก็ออกมาให้เห็นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จนวันนี้เริ่มคุณเคยบ้างแล้วในไทย
แนวคิดเครื่องยนต์ 3 สูบนั้นเริ่มได้การพิสูจน์ว่าเป็นประโยชน์ จากเรื่องประสิทธิภาพในการใช้น้ำมัน โดยเฉพาะเมื่อคุณเหลือเพียง 3 สูบ เครื่องยนต์จะจ่ายน้ำมันน้อยลงกว่าเดิมจาก 1 สูบที่หายไป แม้ว่าถ้าเทียบให้เครื่องยนต์มีขนาดเท่ากันในเครื่องยนต์ 4 สูบ จะต้องมีขนาดห้องเผาไหม้ ลูกสูบ รวมถึง หัวฉีดโตกว่า ถ้าต้องการทำให้ได้กำลังเท่ากัน
ทว่าจากการพิสูจน์มายาวนาน บริษัทรถยนต์ค้นพบว่า อย่างไรเสียก็สามารถทำอัตราประหยัดได้ดีกว่า มีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีกว่า จนถ้าให้นำรถที่มีขนาด น้ำหนักเท่ากัน มาขับในทางเดียวกัน ยังไงเสียเครื่องยนต์ 3 สูบ จะประหยัดน้ำมันกว่าในภาพรวมการขับขี่
แรงเสียดทานในเครื่องยนต์มาจาก ชิ้นส่วนต่างที่อยู่ในเครื่องยนต์ เช่น ลูกสูบ ข้อเหวี่ยง และอีกต่างๆ มากมายที่เล่าให้ฟัง คงยาวเป็นหางว่าวแน่แท้ การตัดอีก 1 สูบ ออกไป ทำให้ลดภาระชิ้นส่วนที่ต้องทำงานด้วยกันไปได้เปราะหนึ่ง ราวกับรถไฟตัดตู้โบกี้หายไป 1 ตู้ แล้ววิ่งแล่นได้เร็วขึ้น
ขุมพลัง 3 สูบ ก็ไม่ได้ต่างจากนั้น เสียเท่าไร เมื่อหายไป 1 สูบ แรงเสียดทานจากชิ้นส่วนก็น้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไหลลื่นขึ้น ทั้งที่เครื่องยนต์มีขนาดไม่ต่างจาก 4 สูบ ที่เรารู้จักกันดี
นอกจากนี้ 1 สูบ ที่หายไป ยังหมายถึงน้ำหนักของเครื่องยนต์ที่เบาลงด้วยประมาณหนึ่ง ราว 10-20 กิโลกรัม ตามที่มีการพูดคุยในฟอรัมนักต่างรถในต่างประเทศ
ถึงแม้จะมีข้อดีของเครื่องยนต์ 3 สูบมากมาย หากในอีกด้านของสมการ หลายคนยังรู้สึกอาจจะไม่ชอบใจนักกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ที่ถูกยัดเยียดเข้ามาในรถยนต์ขนาดเล็กทั้งหลาย
ประการแรก เครื่องยนต์ดูสะดุดเวลาทำงานในรอบต่ำหรือเดินเบา สาเหตุเรื่องนี้มาจากการวิศวกรรมของเครื่องยนต์ 3 สูบ ซึ่งจะไม่สามารถทำให้จุดระเบิดได้ต่อเนื่อง 1 สูบ 1 จังหวะ และนั่นทำให้วิศวกรต้องอกแบบให้ข้อเหวี่ยงทำการจุดระเบิดทุกๆ ที่หมุนถึง 120 องศา (หมุนเต็มรอบคือ 360 องศา) หรือบางทีอาจจะเรียกว่าเดินครึ่งจังหวะ เครื่องสามสูบจะจุดระเบิดทุก 1-3-2 ทำให้ความรู้สึกเวลาเดินรอบต่ำจะมีอาการสะดุดเล็กจนพอรู้สึกได้ว่า มันไม่ลื่นเหมือนเครื่องยนต์ 4 สูบ
ข้อต่อมา เครื่องยนต์ 3 สูบ มีกำลังน้อยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะเมื่อคุณตอน 1 สูบออกไป หมายความว่าเครื่องยนต์มีพื้นที่จุดระเบิดให้กำลังน้อยลงไปด้วยกำลังที่ได้ก็ย่อมน้อยลงตามไปด้วย
ในทางหนึ่งเครื่องยนต์สามสูบจะมีกำลังน้อยกว่า แต่กลับมีแรงบิดดีกว่า เช่นเครื่องยนต์ Nissan HR12DE ที่ใช้ใน Nissan march จะมีกำลังสูงสุด 78 PS ที่ 5,800 รอบต่อนาที แต่มีแรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ที่4,000 รอบต่อนาที กลับกันเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.2 ลิตรเท่ากัน Honda L12A มีกำลังสูงสุด 90 PS และมีแรงบิด 114 นิวตันเมตร ที่ 4,900 รอบต่อนาที
ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://www.ridebuster.com/3-cylinder-engine-pro-cons-scoop