ทุกคนต่างก็มี “อีโก้” (Ego) อยู่ ในตัวเองกันแทบทั้งสิ้น แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับระบบความคิดของแต่ละคน ซึ่งหลายครั้งที่ความเป็นคนมีอีโก้สูงนี่แหละ ที่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวรู้สึกเอือมระอากับสิ่งที่คุณคิดและปฏิบัติได้ ฉะนั้นบางทีคุณก็ต้องลดความเป็นตัวของตัวเองออกไปบ้าง เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เอาเป็นว่าวันนี้เรามีเทคนิคการขจัดอีโก้แบบง่ายๆ
หยุดความคิดที่ต้องการจ้องจะเอาชนะคนอื่น
ความรู้สึกที่ติดตัวมากับผู้ชายแทบทุกคนนั้น คือ ความรู้สึกอยากเป็นผู้ชนะอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม มองในมุมหนึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะคอยกระตุ้นให้คุณมีไฟอยู่ตลอดเวลา แต่หากมีความคิดที่ชอบเอาชนะคนอื่นมากจนเกินไป ก็สามารถทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดที่ต้องทำงานร่วมกับคุณ เพราะแทนที่จะช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานกันออกมา แต่กลับกลายเป็นว่าคุณต้องการทำงานที่โดดเด่นเหนือใครเพียงคนเดียว เพื่อแสดงให้คนเห็นว่าคุณเก่ง ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ ลองเปิดใจแลกเปลี่ยนความคิดกับคนอื่นดูสิ แล้วคุณอาจพบว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นน่าพอใจกว่ามากเลยทีเดียว รวมทั้งยังได้ใจจากคนรอบข้างอีกต่างหาก
รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นบ้าง
การแสดงความเห็นอกเห็นใจแก่คนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ สามารถช่วยลดอัตตาของตัวเองลงได้มากที่สุดวิธีหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเวลาที่คุณให้ความช่วยเหลือหรือแสดงความมีน้ำใจต่อผู้อื่น จะทำให้คุณคิดถึงตัวเองน้อยลง แม้อาจไม่ใช่เรื่องอะไรที่สลักสำคัญนัก ทว่าก็ทำให้ผู้ที่ได้รับความเห็นใจจากคุณรู้สึกปลาบปลื้มในตัวคุณได้เช่นกัน
ลดความอ่อนไหวของตัวเองลง
อันที่จริงแล้วความอ่อนไหวก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยลดความแข็งกระด้างในตัวคุณให้ลดลง แต่ในกรณีที่มีมากจนเกินไปก็อาจส่งผลให้คุณกลายเป็นคนที่เอาแต่คิดถึงตัวเอง มากขึ้น เนื่องจากคุณจะหวั่นไหวไปกับสิ่งที่คนพูดหรือคิดเกี่ยวกับคุณ จนทำให้ตัวเองเริ่มคิดไม่ดีกับคนอื่นทั้งที่บางทีผู้พูดไม่ได้มีเจตนา ร้ายอย่างที่คิดก็ได้
พยายามเข้าอกเข้าใจสิ่งต่างๆ ให้มากขึ้น
ในบางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือไม่เป็นไปตามแผนที่คุณวางเป้าหมายไว้ แทนที่คุณจะโมโหเกรี้ยวกราด ตีโพยตีพายให้เสียเวลา ลองพยายามใจเย็นๆ และทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลแทนจะดีกว่านะ ยังไงเสียทุกๆ อย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ในที่สุด
อย่าคิดว่าทุกๆ อย่างจะต้องสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเรามักคาดหวังอยากให้งานที่ตนเองรับผิดชอบนั้นออกมาดี ที่สุด แต่ความเป็นจริงก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง โอเคคุณคิดว่าตัวเองเป็นคนทำงานได้อย่างเพอร์เฟคท์มาก จึงมีความคิดว่าเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องจะต้องทำได้ในระดับเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม บางครั้งคนที่มีอีโก้สูงก็คือคนที่เรารัก หรือคนที่เราจำเป็นต้องอยู่ร่วมและทำงานด้วย เราไปลองดูวิธีจัดการคนอีโก้สูง แต่ละประเภทกัน
แฟนที่อีโก้สูง
#1 ‘คุณทำให้ฉันรู้สึกว่า’ – ถือว่าเป็นประโยคเด็ดที่ใช้คุยกับใครก็ได้ เพราะถึงแม้คนอีโก้สูงจะสามารถปฏิเสธคำกล่าวหา หรือปฏิเสธความเป็นจริงได้ แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ หากเราบอกว่าการกระทำของอีกฝ่ายทำให้เรารู้สึกยังไง โอกาสที่อีกฝ่ายจะรับฟังก็มีเยอะขึ้น
#2 ดูว่าเวลาไหนควรที่จะปฏิเสธ – คนอีโก้สูงหลายคนไม่คิดว่าตัวเองผิด และไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องไม่ดี แน่นอนว่าการพูดปฏิเสธคนนิสัยแบบนี้จะทำให้เกิดการทะเลาะกันอย่างไม่รู้จบ สิ่งที่คุณต้องจำไว้ก็คือคุณมีสิทธิ์ในการตัดสินใจของตัวเองเสมอ และไม่ว่าอีกฝ่ายจะโน้มน้าวหรือว่าดื้อดึงมากเพียงไหน คุณก็เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
#3 ชมการกระทำที่ดี (แต่ห้ามทำบ่อย) – คนอีโก้สูงส่วนมากจะตอบรับคำชมได้ดีกว่าการว่า (หรือมากกว่าคำแนะนำด้วยซ้ำ) เราควรใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เราควรที่จะชมการกระทำที่ดีเพื่อคะยั้นคะยอให้คนเหล่านี้ทำบ่อยขึ้น แต่ต้องระวังไว้ว่าห้ามชมบ่อย เดี๋ยวอีกฝ่ายจะลืมตัว
หัวหน้าที่อีโก้สูง
#4 ทำตาม แต่ไม่ต้องเห็นด้วย – หัวหน้าก็ยังเป็นหัวหน้า บางครั้งในการทำงานต่อให้เราไม่เห็นด้วย เราก็ควรทำตามอยู่ดี หากคุณเห็นว่าการตัดสินใจหรือคำสั่งครั้งนี้จะทำให้เกิดผลไม่ดี หน้าที่ของคุณก็คือการเตรียมตัวแก้ปัญหาล่วงหน้าโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้
#5 หาวิธีพูดอ้อมๆ เน้นผลลัพธ์ – การเถียงกับหัวหน้าไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วคุณก็ต้องถามตัวเองว่าคุณอยากเถียงให้ชนะ หรืออยากได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการ ในหลายครั้งถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถโน้มน้าวหัวหน้าได้โดยตรง คุณก็ยังหาวิธีอื่นๆเพื่อเปลี่ยนการกระทำได้อยู่ดี
#6 เตรียมข้อมูลเสริม – ไม่ว่าหัวหน้าจะมีอีโก้สูงมากแค่ไหน คนในที่ทำงานก็ยังมีโอกาสที่จะฟังข้อมูลความเท็จจริงมากกว่าในสถานการณ์อื่น หากคุณสามารถเตรียมข้อมูลเพื่อใช้ในการโน้มน้าวได้ ยิ่งเป็นข้อมูลที่คุณคิดว่าหัวหน้าอยากจะได้ยิน โอกาสที่หัวหน้าจะลดอีโก้ลงมาเพื่อฟังคุณก็จะมีเยอะ
#7 ยกผลงานให้ เพื่อเป็นข้อต่อรองภายหลัง – คนอีโก้สูงไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนโง่เสมอไป บางครั้งการยกผลงานให้ เช่นการพูดชมหัวหน้าให้เจ้าของบริษัทฟัง ก็ถือว่าเป็นการสร้างฐานเสียงให้ตัวเองอย่างหนึ่ง เหมือนที่เขาพูดว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
คนโง่ที่อีโก้สูง
#11 เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง – สุดท้ายแล้วการเลี้ยงคนที่มีอีโก้สูงก็ดีกว่าการปะทะโดยตรง เถียงแพ้เราก็รู้สึกไม่ดี เถียงชนะเราก็เหนื่อย (แถมอีกฝ่ายก็ไม่ทำตามอยู่ดี) หากเป็นไปได้เราเอาเวลามาหาความสุขเข้าตัวดีกว่าครับ
#12 ฟัง แต่ไม่ตอบโต้ – หากเราเชื่อมั่นในความคิดหรือความเชื่อของเรา เราก็สามารถรับฟังความคิดเห็นคนอื่นได้ เพียงแค่คุณไม่ต้องทำตามและไม่ต้องตอบโต้ หากอีกฝ่ายทำตัวโมโหหรือพูดเสียงดัง คุณก็มีสิทธิ์ที่จะเดินหนี
#13 ความคิดเห็นของคนเหล่านี้…ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ – ความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น คุณนำมาพิจารณาได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิดเพิ่มเติม หรือนำมาใส่ใจเกินความจำเป็น เพราะคนเหล่านี้ก็คงไม่ได้มารับผิดชอบอะไรในชีวิตคุณมากไปกว่าการพูดโดยไร้เหตุผล
คนโง่ที่อีโก้สูงคงเป็นคนที่ไม่มีใครอยากจะร่วมงานหรือร่วมชีวิตด้วย หากคนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่สำคัญในชีวิตคุณ การตัดทิ้งได้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
เราที่อีโก้สูง
#14 ฝึกการปล่อยวางเล็กๆน้อยๆ – หลายครั้งที่อีโก้สูงมาจากการยึดติดความเชื่อหรือความคิดอะไรผิดๆโดยที่เราไม่รู้ตัว ข้อเสียก็คือหากเราไม่รู้ตัว เราก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ให้คุณเริ่มจากการปล่อยวางสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตที่ไม่สำคัญไปก่อน อาจจะเริ่มจาก การให้ หรือ การช่วยคนที่เราไม่รู้จัก เพื่อปล่อยตัวเองจากอีโก้ที่สูง
#15 ฝึกการอธิบายความรู้สึก โดยเฉพาะความรู้สึกที่อ่อนแอ – หนึ่งในวิธีรับรู้อีโก้ตัวเอง ก็คือการหาโอกาสอธิบายความรู้สึกตัวเองออกมา หากคุณมีคนรอบข้างที่พร้อมจะรับฟัง คุณก็นับว่าเป็นคนที่โชคดีในระดับหนึ่ง หรือถ้าหากคุณอยากทำด้วยตัวเอง ก็ให้ลองจดความคิดออกมาเขียนใส่กระดาษดูก่อนก็ได้ครับ ทำอย่างนี้เรื่อยๆและคุณจะสามารถฝึกจับความคิดตัวเองได้
#16 พูดขอบคุณให้บ่อยๆเข้าไว้ – คำว่าขอบคุณ (และขอโทษ) เหมือนเป็นคำพูดวิเศษที่ช่วยปลดปล่อยเราจากอะไรหลายๆอย่าง ตราบใดที่เราพร้อมที่จะพูดคำเหล่านี้จากใจจริง การยอมรับความช่วยเหลือของคนอื่นและยอมรับความผิดของตัวเองเป็นขั้นตอนที่สำคัญของการจัดการอีโก้ตัวเอง
#17 หากการรับฟังอย่างยากอยู่ ให้เริ่มจากการสังเกตตัวเอง – ให้ตอบคำถามให้ได้ว่าเรารู้สึกเศร้า กลัวและโมโหกับอะไร เพราะสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอารมณ์เหล่านี้ก็คืออีโก้ของคุณ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอีโก้ที่คุณมีอยู่จะเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพียงแค่คุณต้องไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ในการกดดันหรือทำร้ายคนอื่น
และ https://guru.sanook.com/ และ https://faithandbacon.com/