วิตามิน ดี (Vitamin D) คืออะไร?
วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีบทบาทที่สำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การดูดซึมแคลเซียม ในกระดูก ฟัน และระบบกล้ามเนื้อ อีกทั้ง วิตามินดี ยังช่วยในการทำงานของ ระบบหัวใจ, หลอดเลือดสมอง และความดันโลหิต เป็นต้น
บทบาทและหน้าที่ของวิตามิน ดี (Vitamin D)
– ทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันด่านแรกในร่างกายที่ใช้ป้องกัน / ต่อต้าน เชื้อโรคและไวรัสต่างๆ
– ส่งเสริมระบบต่อต้านการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
– ช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน T cell และ Microphages ที่มีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรค
ล่าสุดมีการวิจัยออกมาว่า แสงอาทิตย์สามารถกระตุ้นการทำงานของ T Cell ที่มีหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ได้
ถ้าพูดเรื่องแสงแดดกับผิวล่ะก็ แสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายอันดับต้นๆของผิวเราเลยค่ะ ที่ทั้งทำให้ผิวคล้ำเสีย เกิดริ้วรอย ผิวแก่เร็วแต่จริงๆ แล้ว แสงอาทิตย์ที่ก็มีประโยชน์อีกหลายด้านที่ไม่ใช่แค่ช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดีในร่างกายแต่ล่าสุดศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ค้นพบว่า
แสงอาทิตย์ช่วยกระตุ้นการทำงานของ T Cell ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เราและกระบวนการนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้วิตามินดีที่ผลิตขึ้นในร่างกายเราด้วยและยิ่งไปกว่านั้น แสงสีฟ้าในระดับต่ำที่พบเจอในแสงอาทิตย์ยังช่วยให้ T Cell เคลื่อนตัวได้เร็วซึ่ง T Cell เป็นเซลล์ประเภทหนึ่งในเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรค และการอักเสบในร่างกาย
นอกจากนี้ ในงานวิจัยยังค้นพบว่า แสงอาทิตย์ยังสร้าง
hydrogen peroxide ที่มีหน้าที่ช่วยให้ T Cell เคลื่อนตัวไปทำร้ายสิ่งแปลกปลอมได้
สุดท้าย Ahern นักวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าแสงสีฟ้าจากแสงแดดมีแต่ผลดีหรือเป็นประโยชน์ต่อ T Cell อย่างเดียว โดยไม่มีผลข้างเคียง
ก็อาจใช้แสงสีฟ้านี้ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วยในอนาคตค่ะ
ผลกระทบของแสงแดดในระดับภูมิคุ้มกัน
เมื่อเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดหรือที่เรียกว่า keratinocytes ตรวจพบความเสียหายของดีเอ็นเอ เซลล์เหล่านี้จะเริ่มผลิตโมเลกุลเพื่อกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันมาสู่ผิวหนัง ทำให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว เกิดอาการบวม เกิดรอยแดง รู้สึกร้อน และแสบผิวหนังที่ถูกแดดเผาได้
การบุกรุกของเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Immune cell invasion) จะเริ่มขึ้นในขณะที่คุณยังคงนั่งบนชายหาด แต่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากที่เริ่มได้รับแสงจากดวงอาทิตย์มากขึ้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะมากที่สุดที่ 24-48 ชั่วโมงต่อมา และนั่นเป็นสาเหตุให้เกิดรอยแดงและความแสบจากการถูกแดดเผาในอีก 2-3 วันถัดไป
เซลล์ภูมิคุ้มกันบางเซลล์ทำความสะอาดผิวหนังโดยการทำลายตัวเอง ในขณะที่บางเซลล์ปล่อยสารเคมีที่ทำลายเซลล์ที่อ่อนแอ โดยกระบวนการนี้อาจก่อให้เกิดปฏิกริยาการแพ้ชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการคันที่ผิวหนัง และภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผิวหนังชั้นนอกสุดจะถูกทำลายและยกตัวขึ้น เกิดเป็นช่องว่างที่เต็มไปด้วยของเหลวคล้ายแผลพุพองอักเสบ ทั้งนี้เมื่อการอักเสบลดลง เซลล์ผิวชั้นล่างลงไปจะเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อแทนที่เซลล์ที่ตายแล้วที่ลอกออก ความเสียหายของดีเอ็นเอยังทำให้เซลล์ผิวชั้นนอกส่งสัญญาณกระตุ้นการผลิตเมลานิน (Melatonin) ได้เป็นผิวสีแทนหลังจากสีแดงจางหายไป โดยเมลานินจะเกาะอยู่เหนือเซลล์ผิวเพื่อป้องกันรังสียูวีต่อไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะสามารถพึ่งพาผิวสีแทนให้ปกป้องผิวจากแสงยูวี การป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด หรือวิธีการป้องกันอื่น ๆ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า