อาหารไทยรสชาติสุดแสนจะเข้มข้นอย่างเมนู “ขนมจีนน้ำยากะทิ” ที่มาพร้อมกับเนื้อปลาเน้น ๆ และยังมีเครื่องแกงที่เข้มข้นถึงเครื่อง ที่สำคัญวิธีทำน้ำยากะทิก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าได้กินคู่กับผักสด
วิธีทำ ขนมจีนน้ำยากะทิ
- ตะไคร้ 5-7 ต้น
- กระเทียม 10-12 กลีบ
- หอมแดง 5 หัว
- ข่า หั่นแว่น 1 แง่ง
- กระชาย (หั่น) 400 กรัม
- พริกแห้ง 15-20 เม็ด
- ใบมะกรูด 5-8 ใบ
- ปลาช่อน 500 กรัม
- กะทิอัมพวา ขนาด 250 มล. 1 ขวด
- น้ำเปล่า 4 ถ้วย
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ลูกชิ้นปลา 150 กรัม
วิธีทำ
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง ข่า กระชาย พริกแห้ง และ ใบมะกรูดลงไป และตามด้วยปลาช่อน
- ต้มจนปลาช่อนสุก ตักเครื่องแกงที่ต้มเมื่อสักครู่มาตำให้ละเอียด จากนั้นก็นำเนื้อปลาเอาก้างออกมาตำผสมกันจนกลายเป็นเครื่องแกง
- ตั้งกระทะเทน้ำกะทิลงไป เททีละส่วน เมื่อกะทิร้อนจนได้ที่ให้นำเครื่องแกงลงไปผัดกับกะทิ ผัดให้เข้ากันแล้วเติมกะทิส่วนที่เหลือลงไปและตามด้วยน้ำเปล่าเคี่ยวจนกะทิแตกมัน
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือและตามด้วยลูกชิ้นปลา เสร็จแล้วใสส่จานเสิร์ฟกับขนทจีน
ขนมจีนน้ำยาเป็นแหล่งที่ดีของใยอาหาร (เพราะมีผักเครื่องเคียงประกอบค่อนข้างมาก) แต่มีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง เนื่องจากมีกะทิเป็นส่วนประกอบหลัก จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคความดัน โรคหัวใจ และผู้ที่มีโคเลสเตอรอลสูง ท่านที่มีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง ขอแนะนำให้กินน้ำยาป่าแทนจะดีกว่าเพราะไม่มี ส่วนของกะทิให้กังวลใจ การกินขนมจีนไม่ว่าจะขนมจีนน้ำยาหรือสูตรอื่นก็ตามจะให้ได้ประโยชน์ อย่างเต็มที่ ต้องกินผักเครื่องเคียงมากๆ หรือถ้าอยากจะเพิ่มลูกชิ้นปลาด้วยก็ได้ไม่ว่ากัน