วงจรชีวิตของหมีขั้วโลกต้องหาอาหารให้ได้อย่างน้อย 2 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการตลอดทั้งปี พวกมันจึงจะสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บของฤดูหนาวในขั้วโลกเหนือ (ธันวาคม-มีนาคม) และอากาศร้อนจัดของฤดูร้อน (กรกฎาคม-กันยายน) ที่แทบไม่มีแหล่งอาหารใดๆ เลย โดยพวกมันมีระยะเวลาเพียง 3 เดือนต่อปี หรือช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ในการหาอาหารให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ซ้ำร้ายจากการศึกษายังพบอีกว่า ทุกๆ การล่าเหยื่อ 5 ครั้ง จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่หมีขั้วโลกประสบความสำเร็จในการล่า แม้มันจะได้ฉายา ‘นักล่าแห่งพรมน้ำแข็ง‘ และสามารถได้กลิ่นอาหารโปรดอย่างแมวน้ำ ตั้งแต่เหยื่อซ่อนตัวอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งในระยะไกลถึง 2 กิโลเมตรก็ตาม
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจึงส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือที่เคยหนาไม่ต่างจากแพที่รองรับน้ำหนักหมีขาวได้เป็นฝูง ก็บางลงถนัดตา กลายเป็นแพที่แตกออกเป็นแผ่นเล็กๆ ซึ่งไม่สามารถลอยอยู่ในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นเรื่อยๆ ได้นาน และไม่แข็งแรงพอที่จะเก็บเสียงฝีเท้าของหมีขั้วโลกในวัยโตเต็มที่ ซึ่งมีน้ำหนักราว 600-1000 กิโลกรัมอยู่ ทำให้ทุกย่างก้าวที่เคยย่องได้เงียบเชียบ และเข้าตะครุบเหยื่อได้ทันควัน กลายเป็นฝีเท้าที่หนักเกินกว่าแผ่นน้ำแข็งจะรับแรงกระแทกไหว เพราะเพียงแค่ก้าว เหยื่อก็ไหวตัวทัน ยิ่งแมวน้ำที่เชี่ยวชาญพื้นที่ในมหาสมุทรกว่าหมีเป็นไหนๆ ยิ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมสถิตินักล่าแห่งพรมน้ำแข็งจึงผอมโซ และลดจำนวนลงแทบทุกครั้ง
ตามที่นักวิจัยสาเหตุของพฤติกรรมดังกล่าว คือการขาดแคลนของแหล่งอาหารในถิ่นที่อยู่อาศัย โดยหมีขั้วโลกตัวผู้ขนาดใหญ่จะโจมตีตัวเมียและลูกเพราะพวกมันเป็นเป้าหมายที่ง่าย
ส่วนการแทรกแซงของมนุษย์ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อที่อยู่อาศัย ตอนนี้อ่าว OB ถูกนำมาใช้เพื่อแยกก๊าซธรรมชาติเหลวอาร์กติกเพื่อบริการให้กับเรือที่แล่นผ่านเส้นทาง
Vladimir Sokolov นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้นำการเดินทางหลายครั้งในอดีตกล่าวว่าในปีนี้หมีขั้วโลกกำลังประสบกับสภาพอากาศที่ร้อนกว่าที่เคยเป็นโดยเฉพาะไปยังเกาะ Spitsbergen ทางเหนือของนอร์เวย์ “หมีหลายตัวเริ่มสะสมซากเหยื่อที่มันฆ่าโดยการฝังพวกมันไว้ในหิมะเพื่อบริโภคในภายหลัง”
ที่มา: https://thomasthailand.co