เอเจนซีส์ – รัสเซียเผยแพร่คลิปวิดีโอลับสุดยอดซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ขณะทำการทดลองระเบิด ‘ซาร์ บอมบา’ (Tsar Bomba) ระเบิดนิวเคลียร์ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงที่สุดในโลก เหนือทะเลแบเรนต์ในปี 1961
ช่างภาพโซเวียตในยุคนั้นพยายามจับภาพความรุนแรงของระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ขนาด 50 เมกะตัน ซึ่งปลดปล่อยพลังเทียบเท่าระเบิดทั่วไป 50 ล้านตัน หรือ 3,333 เท่าของระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ ใช้ถล่มเมืองฮิโรชิมา
กล้องซึ่งถูกติดตั้งอยู่ห่างจากจุดทดลองระเบิดไกลหลายร้อยไมล์สามารถจับภาพลูกไฟขนาดมหึมาที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นเวลา 40 วินาทีก่อนที่จะกระจายตัวเป็นรูปดอกเห็ด ขณะที่กล้องจากเครื่องบินซึ่งอยู่ห่างออกไป 100 ไมล์เก็บภาพมุมสูงขณะที่กลุ่มควันรูปเห็ดลอยสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ 213,000 ฟุต หรือประมาณ 6 เท่าของระดับเพดานบินของเครื่องบินโดยสาร
คลิปวิดีโอซึ่งถูกเก็บเป็นความลับมานานเกือบ 60 ปีเพิ่งจะถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาโดยสำนักงานนิวเคลียร์รอสอะตอม (Rosatom) ของรัสเซีย เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งสำนักงาน
ซาร์ บอมบา ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า RDS-220 ถือเป็นระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เคยถูกสร้างขึ้นมา โดยมีการพัฒนาขึ้นในช่วงจุดสูงสุดของสงครามเย็นเพื่อแข่งขันกับระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านั้นในปี 1954 สหรัฐฯ ได้ทำการทดลองระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดและมีพลังมากกว่าระเบิดปรมาณูรุ่นก่อนๆ โดยระเบิดดังกล่าวได้รับการขนานนามว่า ‘แคสเซิล บราโว’ (Castle Bravo) และถูกนำไปทดลองที่หมู่เกาะมาร์แชลส์ด้วยระเบิดถึง 15 เมกะตัน
กองทัพโซเวียตไม่รอช้าที่จะทำลายสถิตินี้ และในปี 1961 ก็ได้พัฒนาระเบิด ซาร์ บอมบา ซึ่งยังคงครองสถิติระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ซาร์ บอมบา ซึ่งบรรจุไว้ในปลอกระเบิดถูกนำขึ้นรถไฟไปยังฐานทัพอากาศโอเลนยา (Olenya) ก่อนจะถูกลำเลียงขึ้นเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 และในวันที่ 30 ต.ค. เครื่องบินลำนี้ได้เดินทาง 600 ไมล์ไปยังเกาะเซเวียร์นีย์ในเขตอาร์กติกเซอร์เคิล และทำการทิ้งระเบิดซึ่งถูกผูกติดกับร่มชูชีพเพื่อชะลอความเร็วให้นักบินมีเวลาหนีพ้นจากรัศมีของการระเบิด
ระเบิดลูกนี้ถูกจุดชนวนที่ระดับความสูง 13,000 ฟุตเหนือพื้นดิน และปลดปล่อยพลังระเบิดที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
จริงๆ แล้ว ซาร์บอมบา แต่เดิมถูกออกแบบให้มีความรุนแรงถึง 100 เมกะตัน หรือ 2 เท่าของลูกนี้ แต่เกรงว่าจะขนไปทิ้งไม่ได้ จึงลดขนาดลงให้เหลือเพียงแค่ 50 เมกะตันเท่านั้น ถือเป็นระเบิดที่โหดร้าย และคงไม่มีใครคาดหวังว่า มันจะถูกใช้ในการรบจริงๆ แน่นอน
ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://mgronline.com/ และ http://nuclear.rmutphysics.com/