ตำนานกําเนิดของแบรนด์ รองเท้าผ้าใบ คู่ยอกนิยมของโลกเรียงลำดับตามความเก่าแก่ที่กำเนิด
Bata
1894 : CZECH REPUBLIC
บริษัท The T. & A. Bat’a เกิดขึ้นในปี 1894 โดยสามพี่น้อง ครอบครัว Bat’a ชาวเช็ก ได้แก่ Tomáš, Antonín และ Anna ซึ่ง ผลิตรองเท้าหนังดี มีคุณภาพ แต่ในปี 1895 บริษัทซบเซา และ เป็นหนี้ จึงทดลองเปลี่ยน วัสดุทํารองเท้า จากหนังมาเป็น ผ้าแคนวาส วางขายในตลาด
ปรากฏว่าได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ รุ่นรองเท้านักเรียน ซึ่งกลายเป็นรองเท้า ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล บาจาขยายโรงงาน รวมถึงจัดจําหน่ายรองเท้าไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
Keds
1916 : U.S.A.
บริษัท U.S. Rubber Company ผลิตรองเท้า Plimsolls ที่ทําจากvคอตตอนแคนวาส และ พื้นรองเท้าจากหนัง แล้วจึงเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น Keds ในปี 1917 ก็คิดค้นรองเท้า ที่ผลิตด้วยผ้าแคนวาส และ พื้นยางสําเร็จ จนเกิดคําว่า “Sneaker” ในสื่อโฆษณาเป็น ครั้งแรก
ช่วงปี 1970 แบรนด์ เพิ่มไลน์รองเท้า เน้นฟังก์ชันกีฬาชื่อ PRO-Keds แม้ความนิยม จะลดลงเรื่อย ๆ แต่ก็กลับมาทวงบัลลังก็ครองใจสาว ๆ ได้อีกครั้ง เมื่อปล่อยรองเท้า รุ่นคลาสสิกที่ชื่อ “Champion”
Converse
1917 : U.S.A.
Marquis Mills Converse เป็นชาวอเมริกันที่ผลิต รองเท้าธรรมดา ๆ ออกมาขาย จนกระทั่ง ได้ร่วมมือกับ Chuck Taylor นักบาสเกตบอลชื่อดัง ออกรองเท้าบาส รุ่น Converse All Star เมื่อปี 1917 และ ประสบความสําเร็จ เป็นอย่างมาก ขณะนั้นมีขาย แค่เพียง สีขาว และ สีดํา จนถูกเรียกร้องจากที่มบาสเกตบอล ให้มีสีอื่น ๆ บ้าง
กระทั่งปี 1966 จึงมี All Star รุ่นหลากสีหลายวัสดุ และ มีการใช้หนังเป็นครั้งแรก หลังจากปี 1990 ไนกี้บุกตลาด รองเท้าผ้าใบ อย่างจริงจัง นำคู่แข่ง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ คอนเวิร์ส จึงตกอยู่ในภาวะล้มละลาย ต้องขายแบรนด์ ให้ญี่ปุ่นน่าไปผลิตขายเองในประเทศได้
ปี 2001 เป็นปีสุดท้ายที่มีรองเท้า คอนเวิร์ส Made in U.S.A. พอถึงปี 2003 ก็ขายกิจการให้ ไนกี้ดูแลต่อ
adidas
1949 : GERMANY
Adolf Dassler หรือที่รู้จักกันในนาม Adi Dassler เริ่มต้นทํารองเท้า ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยทักษะที่ได้รับมาจากพ่อ ซึ่งเป็นคนงานในโรงงานรองเท้า จนปี 1924 เขา และ น้องชาย Rudolf ร่วมกันก่อตั้งบริษัท ผลิตรองเท้า Gebrüder Dassler Schuhfabrik ( แปลว่าโรงงานรองเท้า ของพี่น้อง ดาสส์เลอร์ )
ในปี 1936 เขาเป็นสปอนเซอร์ให้นักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิก ชาวอเมริกันชื่อ Jesse Oweก โลกจึงเริ่มรู้จักรองเท้าของพวกเขา ในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดเหตุการณ์ ที่ทําให้ พี่ น้อง ดาสส์เลอร์ เกิดความบาดหมาง และ แยกทางกันไปในที่สุด รูดอล์ฟ เปิดบริษัทรองเท้าของตัวเองชื่อ Puma ในปี 1948
ส่วน อดิ เปิดบริษัท adidas ออกรองเท้าฟุตบอลรุ่นแรกเมื่อปี 1949 และเริ่มใช้แถบ 3 ขีดเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ปี 2003 อาดิดาสเข้าไป ซื้อกิจการของ Reebok ทําให้ทรัพย์สินของ อาดิดาส ขยับเข้าใกล้คู่แข่งอย่าง ไนกี้ มากขึ้น
Onitsuka Tiger
1949 : JAPAN
kihachiro Onitsuka ตั้งบริษัททำรองเท้า ที่บ้านของตัวเองในเมือง โกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1949 เขาผลิตรองเท้าบาสเกตบอล ออกมาวางขายเป็นคู่แรก และ หลังจากพัฒนารูปทรงของรองเท้า ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทําให้แบรนด์นี้ ประสบความสําเร็จ อย่างมากในญี่ปุ่น
รองเท้า Onitsuka Tiger กลายเป็นที่จดจํา ตอนมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ที่เม็กซิโกปี 1966 กับรองเท้ารุ่น Mexico 66 ที่ปรากฏ ลายริ้วโลโก้ ASICS Stripe เป็นครั้งแรก จนเมื่อปี 1972 โอนิซึกะ รวมกิจการกับ บริษัท GTO และ JELENK โดยใช้ชื่อว่า ASICS ซึ่งเป็นตัวย่อมาจากภาษาละติน ที่แปลว่า A sound mind in a sound body หรือ “จิตวิญญาณในร่างกาย ที่แข็งแรง”
โดย เอซิคส์ จะเน้นผลิตรองเท้ากีฬาเป็นหลัก เช่น รองเท้าฟุตบอล รองเท้าวิ่ง รองเท้าบาสเกตบอล ฯลฯ ในขณะที่ โอนิซึกะ ไทเกอร์ จะเน้นผลิตรองเท้าแฟชั่น หรือ ใส่ประจําวัน
Reebok
1958 : US.A.
J.W. Foster และ ลูกชาย คิดค้นรองเท้าวิ่งแบบใหม่ ที่มีปุ่มแหลมที่พื้นรองเท้า เพื่อช่วยให้ นักวิ่ง วิ่งดีขึ้น จนกลายเป็นที่นิยม สําหรับ นักกีฬาชาวอังกฤษ และ เปลี่ยนชื่อเป็น Reebok เมื่อปี 1988 จุดเปลี่ยนที่สําคัญของ รีบอค คือการได้ยอดนักขาย Paul Fireman มาช่วยจัดจําหน่ายรองเท้ารีบอค ไปทั่วอเมริกาจนประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ รีบอค มุ่งเน้นที่สุดคือ การผลิตรองเท้ากีฬา เช่น รองเท้าเต้นแอโรบิก ฟุตบอล เบสบอล กรีฑา ฯลฯ แต่ก็แตกไลน์สินค้า เป็นเครื่องแต่งกาย และ อุปกรณ์กีฬา ด้วยเช่นกัน
จนปี 2005 อาดิดาส ยื่นเสนอซื้อ รีบอค ด้วยเงินสูงถึง 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหวังจะ ครองตลาดเสื้อผ้า และ อุปกรณ์กีฬาของ รีบอค ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวอังกฤษมาช้านาน
new balance
1961 : U.S.A.
William J. Riley เป็นผู้ก่อตั้ง New Balance Arch Support Company โดย วิลเลียม ตั้งใจจะออกแบบรองเท้า ที่ให้ความรู้สึกสบาย เขาออกแบบจากการสร้างจุด 3 จุด บนเท้า ช่วยให้เกิดความสมดุลของร่างกาย
จนปี 1961 เกิดเทรนด์ การดูแลสุขภาพไปทั่วอเมริกา มีกีฬายอดนิยม เป็น การวิ่งจ๊อกกิ้ง และ เต้นแอโรบิก เขาออกแบบรองเท้ารุ่น Trackster ที่ยืดหยุ่น และ เหมาะกับทุกสภาพหน้าเท้า เข้าแข่งขัน ในตลาด ซึ่งกลายเป็น รองเท้า สร้างชื่อ และ เป็นหมุดหมายสําคัญ ของรองเท้าเทรนนิ่งของโลก ถือเป็นบริษัทแรกๆ ของโลก ที่ใช้วิทยาศาสตร์ เข้ามาปรับเปลี่ยนพัฒนารองเท้า
nike
1971 : U.S.A.
Bill Bowerman โค้ชสอนวิ่ง และ ลูกศิษย์ Phil Knight คือสองผู้ก่อตั้ง Nike ตอนแรก พวกเขาเปิดบริษัท ในชื่อ Blue Ribbon Sports (BRS) นำรองเท้าวิ่งยี่ห้อ โอนิซึกะ ไทเกอร์ จากญี่ปุ่นมาขาย และ หยุดจําหน่ายในปี 1971
พวกเขาจึง เริ่มผลิตรองเท้าเป็นของตัวเอง และ เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ในกี้ ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากเทพ แห่งชัยชนะ โดยให้ Carolyn Davidson ออกแบบโลโก้ Swooch ให้ ต่อมา บิลส์ ออกแบบ และ ทดลองผลิตรองเท้ากีฬา แบบพื้นยาง จนกลายเป็นรองเท้ารุ่นแรก ของ ไนกี้ ซึ่งเปลี่ยนแปลง วงการพื้นรองเท้ากีฬาไปตลอดกาล
จนปี 1984 ไนกี้ คว้าตัว นักบาสเกตบอล ไมเคิล จอร์แดน มาทํางานร่วมกัน จนเกิดแบรนด์ Jordan Brand ในที่สุด หลังจากนั้น ไนกี้ ก็หันมาเอาจริงเอาจัง กับการโฆษณา จนเกิดสโลแกน Just do it ที่ใช้เรื่อยมา
ปัจจุบัน ไนกี้ กลายเป็นผู้ครองตลาด กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐอเมริกา
TOMS
2006 : U.S.A
เมื่อ Blake Mycoskie หนุ่มชาวอเมริกัน ไปเที่ยวอาร์เจนตินา ในปี 2006 เขาเห็น รองเท้าแบบสวม สไตล์พื้นเมืองที่เรียกว่า Alpargates กับเด็ก ๆ ที่ไม่มีรองเท้าใส่ สิ่งที่เห็นทําให้เขาตระหนักว่า มีผู้คนอีกมากมาย ในอาร์เจนตินา และ ประเทศกําลังพัฒนากําลังขาดแคลนรองเท้า
เขาจึงเริ่มต้นแบรนด์รองเท้า TOMS ด้วยโมเดลธุรกิจ One for One เมื่อมีคน ซื้อรองเท้า 1 คู่ เขาจะบริจาครองเท้า 1 คู่ ให้คนที่ขาดแคลน ด้วยความ เป็นรองเท้าแฟชั่นเก๋ ๆ ที่ใส่ใจโลก จึงประสบความสําเร็จ และ เป็นที่พูดถึงอย่างมาก ถึงตอนนี้ ทอมส์ บริจาครองเท้าไปแล้วกว่า 10 ล้านคู่
ขอบคุณข้อมูล https://jeveuxdire.com