โวล์ฟกัง อมาเตอุส โมสาร์ท เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1759 (พ.ศ.2295) ที่เมืองซาลสเบอร์ก ออสเตรีย เป็นลูกชายของ เลโอโปลด์ โมสาร์ท นักดนตรีผู้มีชื่อเสียงของออสเตรีย เป็นนักแต่งเพลงและครูสอนดนตรี ซึ่งสามารถเล่นไวโอลินได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหัวหน้าวงดนตรีประจำสำนักของอาร์ชบิชอพ ที่ซาลสเบอร์ก แม่ชื่อ เฟรา อันนา โมสาร์ท เป็นแม่บ้านที่ โมสาร์ท มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เสียชีวิตไป 5 คน เหลือแต่ มาเรีย แอนนา หรือ Nannerl พี่สาวที่มีอายุมากกว่าเขา 4 ปี รวมตัวเขา เพียง 2 คนเท่านั้น ในวัยเด็กโมสาร์ทเป็นคนที่มีรูปร่างสง่า ใบหน้าสวย ริมฝีปากสวยงาม จมูกโด่ง แววตาอ่อนโยนเหมือนผู้หญิง กิริยามารยาทสงบเสงี่ยมละมุนละมนและช่างคิดช่างฝัน
เมื่ออายุ 5ขวบ โมสาร์ทได้แต่งเพลง โดยการแต่งเติมเพลง minuet ของพ่อที่ได้แต่งค้างไว้ยังไม่เสร็จ ซึ่งไพเราะยิ่งนัก เมื่ออายุ 6 ปี เขาได้รับของขวัญวันเกิดเป็นไวโอลินเล็กๆ อันหนึ่ง โมสาร์ทก็ได้พยายามฝึกฝนด้วยตนเอง เพราะพ่อไม่ยอมสอน หลังจากโมสาร์ทได้แสดงฝีมือการเล่นไวโอลีนร่วมวงกับพ่อได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พ่อของเขาทำการฝึกซ้อมไวโอลินให้เขากับ Nannerl อย่างจริงจัง และแน่วแน่เพื่อปั้นลูกชายให้เป็นนักไวโอลินของโลกให้ได้
เมื่อโมสาร์ทอายุได้ 6 ขวบ ได้เข้าเฝ้า พระนางมาเรีย เทเรซา ที่กรุงเวียนนา และด้วยอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีทำให้เขาได้รับสมญานาม จากจักรพรรดิ์ฟรังซิส ว่า “ผู้วิเศษน้อย” ทำให้เขามีชื่อเสียงมากในยุโรป เมื่อ 7 ขวบ เขาแต่งเพลงไวโอลินโซนาตาเป็นเพลงแรก และเมื่ออายุ 8 ขวบ ก็แต่งซิมโฟนีได้สำเร็จ โมสาร์ทได้เดินทางไปแสดงดนตรีที่อิตาลี และตกหลุมรัก หลงใหลคลั่งไคล้อิตาลีมาก ถึงขั้นเปลี่ยนชื่อกลาง
ให้เหมือนชาวอิตาเลียน โดยจากเดิมชื่อ Gottlieb แปลว่า ผู้เป็นที่รักของพระเจ้า มาเป็น Amadeus โดยมีคำแปลว่าผู้เป็นที่รักของพระเจ้าเช่นเหมือนเดิม
โมสาร์ท แต่งงานกับ คอนสตันซ์ เวเบอร์ น้องสาวของอลอยเซีย เวเบอร์ ที่เขาเคยตกหลุมรักมาก่อน และได้เขียน อุปรากรขึ้นชื่อ The Escape from Seraglio โดยเอาชื่อเมียมาเป็นนางเอก จักรพรรดิ์โจเซป ชอบอุปรากรของโมสาร์ทมาก จึงได้เขามาอยู่ในวงดนตรีของพระองค์ แต่ให้ค่าตอบแทนที่น้อยมาก
งานด้านแต่งเพลงของโมสาร์ทเริ่มโดดเด่นขึ้น หลังได้พบกับไฮเดิน นักคนตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งเวียนนาและได้และสอนเขาเขียนเพลง ควอเตท และโมสาร์ท ได้แต่งเพลง String quartets หลายเพลง และไพเราะมาก ซึ่งไฮเดิน ก็ชื่นชมโมสาร์ทมากเช่นกัน
โมสาร์ทแต่งงานมา 9 ปี โมสาร์ท มีความสุขบ้างพอควร มีลูกกับคอนสตันซ์ เวเบอร์ รวมทั้งหมด 6 คน และได้ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เพราะภรรยาใช้เงินเก่ง ไม่ค่อยใส่ใจการบ้านการเรือน มีรายได้ไม่พอรายจ่ายทำให้ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่าย ทำให้โมสาร์ทต้องทำงานหนัก
ผลงานที่น่าสนใจของโมสาร์ต
ในช่วงชีวิตอันแสนสั้นคือเพียง 36 ปี ไม่น่าเชื่อว่า โมสาร์ตจะผลิตผลงานออกมามากกว่า 600 ชิ้นและมีความหลากหลายมาก ส่วนมากถูกนำมาเล่นอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ต่อไปนี้เป็นเพลงที่มักจะถูกนำมาเล่นบ่อยของโมสาร์ต โดยมีเลขประกอบคือ K. ซึ่งมาจากชื่อของลุดวิก ริตเตอร์ ฟอน โคเคล ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีที่นำเอาเพลงของโมสาร์ตมาจัดประเภท บางที่ก็ใช้คำว่า KV – Koechel Verzeichnis หรือตัวเลขของโคเคล
ต่อไปนี้เป็นผลงานที่น่าสนใจที่สุดคือคนทั่วโลกรู้จักดี
1.Piano Sonata No.11 in G major k.311 ท่อนที่ 3 คือ Rondo all Turca
2.Serenade for strings in G major K.525 หรือ Eine Kleine Nacht Musik มีชื่อแปลว่า"ดนตรียามค่ำคืนชิ้นเล็กๆ"
3.Requiem Mass in D minor K.626
4.Clarinet Concerto in A Major K.622 ท่อนที่คุ้นหูที่สุดคือท่อนที่ 2 คือ Adagio ที่ช้าเนิบนาบและไพเราะมาก หนังเรื่อง Out of Africa นำมาใช้เข้ากับเพลงประกอบภาพยนตร์ได้อย่างงดงาม
5.Sinfonia Concertante For Violin, Viola And Orchestra In E-Flat Major, K. 364: ท่อนที่ 3 คือ Presto
6.เพลงโหมโรงของ อุปรากรเรื่อง Le nozze di Figaro
7. Serenade in B flat K.361 กระบวนหนึ่งของเพลงถูกใช้ในหนังเรื่อง Amadeus ตอนโมสาร์ตกำลังจ้ำจี้กับสาว ส่วนซาลิเอรีแอบดูด้วยความตะลึง แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเพลงโมสาร์ตก็รีบวิ่งไปกำกับเพลง ๆ นี้ที่อีกห้องหนึ่งทันที
ตัวอย่างของผลงานอื่นๆ ที่น่าสนใจรองลงมา
Opera หรืออุปรากร มีทั้งหมด 24 เรื่อง ได้แก่
1. Le nozze di Figaro (K. 492) หรือการแต่งงานของฟิกาโร โมสาร์ตแต่งในปี 1786 หากนึกภาพไม่ออก ในหนังเรื่อง Godfather ภาคแรกตอน งานเลี้ยงของลูกสาวของดอน คอร์เลโอเน หลังจากคนเต้นรำเสร็จแล้วก็มีนักร้องหญิงคนหนึ่งร้อง aria หนึ่งของเพลงนี้คั่นรายการ และเพลงโหมโรงหรือ overture ถือได้ว่าโด่งดังและถูกนำมาเล่นเพียงอย่างเดียว บ่อยที่สุดในบรรดาเพลงโหมโรงของอุปรากรทั้งหลาย
2. Die Zauberfloete (K. 620) หรือขลุ่ยวิเศษได้รับการแแต่งและออกแสดงในปี 1791 เพลงที่ดังก็คือเพลง Aria ของ ราชินีแห่งรัตติกาล คือ Der Hoelle Rache kocht in meinem Herzen แปลเป็นภาษาไทยคือ "ความแค้นเคืองลุกโชนในหัวใจฉัน"
3. Die Entfuehrung aus dem Serail (k. 384) หรือ"การลักพาตัวจากแซรากิลโอ" เป็นอุปรากรหรรษาหรือมีอารมณ์ขันร่วมด้วยเช่นเดียวกับขลุ่ยวิเศษ เนื้อหาดังที่กล่าวไว้ในหนังเรื่อง Amadeus คือมีฉากในฮาเร็มของพวกเติร์ก
4. Don Giovanni (K. 527) โมสาร์ตแต่งอุปรากรเรื่องนี้ในปี 1787 ในหนัง Amadeus ได้นำมาเปิดเรื่อง และตอนกลางเรื่องหลังจากการเสียชีวิตของบิดาของเขา เพลงที่ดังที่สุดคือการร้องคู่ระหว่าง ดอนโจวานนี่กับ แซร์ลินาคือเพลง La ci darem la mano หรือ "ยื่นมือมาให้ฉันหน่อยได้ไหม คนสวย"
5.Cosi Fan Tutte (K. 588) หรือ "ผู้หญิงเหมือนกันทั้งโลก" เป็นอุปรากรหรรษา มีเนื้อหาเสียดสีผู้หญิงโดยเฉพาะโมสาร์ตแต่งเรื่องนี้ในปี 1789
Symphony มีทั้งหมด 41 บท ที่รู้จักกันดีก็ได้แก่
1. Symphony No.25 in G minor K.183 โมสาร์ตแต่งในปี 1773 เสร็จเกือบจะพร้อมกันกับ หมายเลข 24 ถูกใช้ในหนังเรื่อง Amadeus ในช่วงต้นเรื่อง ตอนที่ตาเฒ่าซาลิเอรีถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
2. Symphony No.31 in D Major K.297 โมสาร์ตแต่งในปี 1778 เป็นที่รู้จักกันดีใน Paris Symphony เพราะโมสาร์ตแต่งขณะเดินทางมายัง กรุงปารีสเพื่อหางานดี ๆทำ
3.Symphony No.35 in D Major K.385 โมสาร์ตแต่งในปี 1782 เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Haffner ของเขาเอง ที่ใช้ชื่อนี้เพราะเขาดัดแปลงมาจาก Serenade (ดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีมากแต่ซับซ้อนน้อยกว่าซิมโฟนี) K 249 ที่เขาเขียนจากการว่าจ้างของครอบครัวฮาฟฟ์เนอร์
4. Symphony No.38 in D Major K.504 โมสาร์ตแต่งในปี 1786 เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Prague เพราะเขาต้องการขอบคุณชาวเมืองปราก สาธารณรัฐเช็คในปัจจุบัน ที่ยังให้การต้อนรับดนตรีของเขาอย่างท่วมท้น ในขณะที่ชื่อเสียงของเขาในกรุงเวียนนาจางหายไป
5. Symphony No.40 in G Minor K. 550 โมสาร์ตแต่งในปี 1778 เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Great G Minor Symphony ซิมโฟนีบทนี้ได้รับการนิยม ชมชอบมาก มีผู้เรียกงานชิ้นนี้ว่าเป็นงานแห่ง “อารมณ์ ความรุนแรงและความโศกเศร้า” มีอิทธิพลต่อท่อนที่ 3 ใน ซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟนและ String Quartet (ดนตรีที่เล่นโดยเครื่องสายสี่ชิ้น) ของฟรานซ์ ชูเบิร์ต
6. Symphony No.41 in C Major K.551 โมสาร์ตแต่งหลังจากหมายเลข 40 เพียงไม่กี่อาทิตย์ เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Jupiter สันนิฐานว่าผู้ตั้งชื่อคือโยฮันน์ เปเตอร์ ซาโลมอน นักดนตรีรุ่นหลังขณะที่เรียบเรียงเพลง ๆ นี้มาอยู่ในรูปแบบของการบรรเลงเปียโน
Violin Concerto (การเล่นคู่กันระหว่างเครื่องดนตรีเป็นวงกับไวโอลิน) ของโมสาร์ตมีทั้งหมด 5 บทดังนี้
Violin Concerto No. 1 in B flat major, K. 207
Violin Concerto No. 2 in D major, K. 211
Violin Concerto No. 3 in G major, K. 216
Violin Concerto No. 4 in D major, K. 218
Violin Concerto No. 5 in A major, K. 219
ทั้งหมดถูกแต่งในปี 1775 ตอนนั้นโมสาร์ตเป็นวัยรุ่นตอนปลาย เขียนเพลงเหล่านี้ตอนออกแสดงไปทั่วยุโรปพร้อมบิดา Violin concerto เหล่านี้มีชื่อเสียงสำหรับความงดงามและรูปแบบการแสดงออกอย่างเปี่ยมด้วยทักษะในเครื่องดนตรี
Requiem Mass in D , Minor k
. 626 เป็นเพลงสวดศพที่โมสาร์ตแต่งประมาณช่วงปี1791 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตและเขียนไม่เสร็จ เพลงนี้ถูกนำไปประกอบกับภาพยนตร์และโฆษณามากที่สุด อาจเพราะเพลงเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกที่รุนแรง อ้างว้าง อันเป็นการสารภาพของความรู้สึกของโมซาร์ตที่อาจรู้ว่าชีวิตของตัวเองจะยังอีกไม่นาน ส่วนเพลงสวดที่โด่งดังรองลงมาคือเพลงที่ถูกแต่งในปี 1779 หรือกว่า 10 ปีก่อนหน้านี้คือ
Coronation Mass in C, K. 317 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าลีโอโพลที่ 2 ของออสเตรีย ถือได้ว่าเพลงสวดนี้โดยมากมีทำนองที่หลากหลายคือทั้งสง่างาม รวดเร็ว ช้าเนิบนาบ ฟังแล้วน่าขนลุกเหมือนอยู่ในโบสถ์ เพราะมีฉันทลักษณ์มาจากเพลงสวดของศาสนาคริสต์
Author: Tuemaster Admin
ทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด !! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม.ปลาย (ม.4, ม.5, ม.6)