ปัจจุบันวงการแพทย์ได้ให้ความสนใจในเรื่องของการป้องกันโรคที่เกิดจากพฤติกรรมมากขึ้น เช่น โรคความดันโลหิตสูง หัวใจ เบาหวาน โดยให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ การทำงาน การกิน นอน การพักผ่อน
สันทนาการ การออกกำลังกาย และการคิดเชิงบวกเพื่อลดความเครียด ด้านโภชนาการวงการแพทย์ได้ให้ความสำคัญ เกี่ยวกับการเลือกบริโภคไขมันเฉพาะไขมันชนิดที่ดีและที่เป็นประโยชน์ แทนการบริโภคไขมันชนิดเลวที่เป็นสาเหตุให้เกิดความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ กรดไขมันที่มีประโยชน์แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง คือกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลาน้ำจืดและปลาทะเล กรดไขมันโอเมก้า 3 จะพบ อยู่ในตามอวัยวะต่างๆของปลา เช่น เนื้อปลาตับปลา หนังปลา หัวปลาและไส้ปลา กรดไขมันที่สกัดได้จากไขมันในปลาทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำจืดหรือปลาทะเล นับเป็นแหล่งไขมันดีที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ สาร DHA หรือ Docosahexacnoic Acid ซึ่งพบในกรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเรสเตอรอล หรือลดไขมันชนิดเลว เช่น LDL ที่สะสมในหลอดเลือด และสาร EPA (Ei cosapentaenoic Acid) ซึ่งพบในไขมันปลา มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ที่เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้ EPA ยังช่วยยังยั้งการเกาะตัวกันของเกร็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลอดเลือดเล็กๆที่ไปเลี้ยงร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา เป็นสารตั้งต้นของสารกลุ่มไอโคซานอยด์ (Eicosanoids) ซึ่งได้แก่พรอสตาแกลนดิน 3 (Prostaglandins-3) และทรอมบอกแซน-3 (Thromboxan-3) ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการเกาะตัวกันของเกร็ดเลือด นอกจากจะช่วยลดการเกิดหลอดเลือดอุดตันแล้ว ยังมีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัวช่วยให้โลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้การควบคุมระบบความดันโลหิตในหลอดเลือดเป็นปกติ หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ดี แต่มีข้อสงสัยบางประการว่า ระหว่างการรับประทานปลาน้ำจืดและปลาทะเลควรรับประทานปลาอะไร และปลาชนิดไหนดี จึงขอเสนอข้อมูลตารางแสดงปริมาณของกรดไขมัน โอเมก้า 3 ในปลาชนิดต่างๆทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเลที่จับได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติดังนี้
คุณประโยชน์ของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา
พลังของโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพของคุณ โอเมก้า 3 มีหลายประเภท: EPA และ DHA พบในปลาและสาหร่ายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในขณะที่ ALA มาจากพืชและเป็นโอเมก้า 3 ที่มีศักยภาพน้อยกว่าแม้ว่าร่างกายจะเปลี่ยน ALA เป็น EPA และ DHA ในอัตราที่ต่ำ
ขอขอบคุณผู้แปลบทความ สล็อตออนไลน์ และ pussy888
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 อาจช่วย:
- ป้องกันและลดอาการซึมเศร้าสมาธิสั้นและโรคอารมณ์แปรปรวน
- ป้องกันการสูญเสียความจำและภาวะสมองเสื่อม
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโรคหลอดเลือดสมองและมะเร็ง
- บรรเทาอาการปวดข้อปวดข้อและสภาพผิวอักเสบ
- สนับสนุนการตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี
- ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้เพิ่มความจำของคุณและปรับสมดุลอารมณ์ของคุณ
แหล่งที่ดีที่สุดของ Omega-3s
ปลา: แหล่งที่ดีที่สุดของโอเมก้า -3 (สูงใน EPA และ DHA)
- ปลาแองโชวี่
- ปลาชนิดหนึ่ง
- แซลมอน
- ปลาทู
- ปลาซาร์ดีน
- ปลาเทราท์
- ทูน่า
- หอยแมลงภู่
- หอยนางรม
- ปลาชนิดหนึ่ง
แหล่งมังสวิรัติของโอเมก้า -3s (สูงใน ALA)
- สาหร่ายเช่นสาหร่าย (สูงใน EPA และ DHA)
- ไข่ (DHA จำนวนเล็กน้อย)
- เมล็ดแฟลกซ์และน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
- เมล็ดเชีย
- น้ำมันคาโนลาและถั่วเหลือง
- วอลนัท
- มายองเนส
- Edamame
- ถั่ว (refried, ไต, ฯลฯ )
- บรัสเซลส์
- ผักคะน้า
- ผักขม
ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://thaicam.go.th/
และ https://www.thaihealth.or.th/