ช่วงชีวิตของ แวน โก๊ะตอนที่อยู่ที่อาเรสนั้น ได้สร้างผลงานเขียนภาพที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ มากมาย เขาเขียนภาพของธรรมชาติอันงดงาม ภาพทุ่งหญ้ายามต้องแสงอาทิตย์ ภาพของดอกไม้นานาชนิด และภาพดอกไอริสที่มีชื่อเสียงนั้นสามารถขายได้ถึง 53.9 ล้านดอลลาร์ในเวลานั้น
- ค.ศ.1353 วินเซนต์ แวนก๊อก เกิดเมื่อวันที่30 มีนาคม ประเทศ ฮออลแลนด์
- ค.ศ.1894-68 ศึกษาชั้นต้นในท้องถิ่น
- ค.ศ.1869 เริ่มทำงานในห้องภาพกูปีล์ในกรุงเฮก เมื่ออายุ16ปี
- ค.ศ.1873-76 เริ่มสนใจเรื่องศาสนา หลังจากลาออกจากงานในห้องภาพได้ไปเป็นครูที่โรงเรียนในแรมสเกท เมืองเล็กๆในอังกฤษ ต่อมาย้ายไปสอนและเทศน์ที่ไอเวิลเวิร์ธ เมืองเล็กๆใกล้กรุงลอนดอน
- ค.ศ1877 สอบเข้าคณะเทววิทยาที่มหาลัยอัมสเตอร์ดัม แต่ได้ละทิ้งการศึกษาและจุดมุ่งหมายด้านนี้เสียในเวลาต่อมา
- ค.ศ.1878-79 เป็นนักเทศน์ผู้จาริกไปในเขตเหมืองแร่เมืองบอริเนจในเบลเยี่ยมอุทิศตนให้กับชาวเหมือ งที่วาสเมอใกล้เมืองมอนส์ โดยพยายามแก้ไขปัญหาความยากแค้นอย่างเต็มทีแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ถึงแม้จะมีศรัทธาในศาสนาอย่างลึกซึ้ง แต่เขารู้สึกเหมือนถูกเรียกร้องให้เป็นศิลปินมากกว่า
- ค.ศ.1880-85 ปี1880-81 ได้ไปศึกษากับจิตกรหลายคนในกรุงบรัสเซลส์ ศึกษาในกรุงเฮกในปี1881-83และที่เมืองแอนทะเวิร์ป ระหว่าง ค.ศ.1885-86 พร้อมกับศึกษาและเขียนภาพชีวิตชนบทของชาวเหมืองและชาวไร่ชาวนา ภาพคนกินมันฝรั่งเป็นผลงานที่แสดงอิทธิพลการเขียนแบบเก่าของดัตช์
- ค.ศ.1886-87 ย้ายไปอยู่กับธีโอน้องชายที่ปารีส ธีโอทำงานอยู่ในห้องภาพที่นั่น ดังนั้นจึงเป็นผู้กว้างขวางและรู้จักศิลปินในแวดวงหลายคน แวนก๊อกรู้จักกับศิลปินกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสต์และสนใจศึกษาเทคนิคภาพเขียนของแปร์ตองก ีเป็นแนวทางเขียนภาพของเขา สีที่สดขึ้น การป้ายสีเป็นไปอย่างอิสระและเส้นสายเป็นลูกคลื่นที่ได้แบบอย่างจากภาพเขียนของญีปุ่ นในช่วงชีวิตนี้ธีโอคือผู้ช่วยเหลือสำคัญทั้งด้านการเงินและทางอารมณ์ของแวนก๊อก ซึ่งถูกกดดันเนื่องจากผลงานไม่เป็นที่ยอมรับ
- ค.ศ.1888 ป่วยเป็นโรคจิตและทะเลาะกับโกแกงจนถึงกับตัดหูข้างซ้ายของตน ต่อมาได้รับการรักษาในโรงพยาบาลในเมืองอาร์เลส แชร์ทเรอมีและอูฟร์
- ค.ศ.1889-90 ย้ายไปอยู่ที่อาร์เลสเมืองชนบทในฝรั่ง เป็นระยะที่มีการพัฒนาทางศิลปะอย่างสมบูรณ์ แต่ละภาพเต็มไปด้วยความรู้สึกอันรุนแรงของตัวจิตรกรที่รู้สึกต่อสิ่งแวดล้อม การปรากฎของสิ่งต่างๆประจำวัน ถูกแปรเป็นแผ่นสีที่สดใสและเส้นสายที่สั่นสะเทือนเป็นลูกคลื่น อันเป็นสัญลักษณ์ของพลังสากลที่ควบคุมสรรพสิ่งในโลกไว้ ผลงานชิ้นเยี่ยมในข่วงนี้คือ ต้นไซเปรสกับหมู่บ้าน บ้านนาหลังใหญ่และดอกทานตะวัน
- วินเซนต์ แวน โก๊ะ จบชีวิตด้วยการยิงตัวตายในวัย37ปี
แวน โกะห์ เป็นจิตรกรชาวดัตช์ยุคโพสต์-อิมเพรสชั่นนิสม์ ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของวงการศิลปะสมัยใหม่ในโลกตะวันตก ตลอดชีวิตการทำงานเขาดิ้นรนถ่ายทอดสภาวะทางอารมณ์ ความรู้สึก และจิตวิญญาณลงในผลงานอย่างเต็มเปี่ยมผ่านสีสันสว่างเจิดจ้า มีชีวิตชีวา ฝีแปรงหนักหน่วงเต็มไปด้วยจังหวะจะโคนจากการใช้เทคนิค Impasto หรือการใช้สีหนาหนักป้ายลงไปบนผืนผ้าใบจนเห็นเป็นรอยฝีแปรงหรือรอยเกรียงปาดสีหนานูนแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกภายในมากกว่าจะนำเสนอความเหมือนจริงอย่างที่ตาเห็น
สไตล์การทำงานอันแปลกประหลาด รุนแรง ทรงพลัง และสีสันที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน ส่งอิทธิพลต่อศิลปินและกระแสเคลื่อนไหวทางศิลปะอย่างมากมายนับไม่ถ้วนนับตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 20 จวบจนถึงปัจจุบัน
แม้ยุคนี้โลกจะชื่นชมแวน โกะห์ ในฐานะศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ถึงขั้นมีนิทรรศการที่สดุดีเขาจำนวนมาก แต่ในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตสังคมกลับจดจำจิตรกรผู้มีสีแดงเพลิงคนนี้ว่าเป็น ‘ศิลปินบ้าคลั่งผู้ตัดหูตัวเอง’ แถมยังมองว่าผลงานของเขาเป็นผลพวงมาจากความบิดเบี้ยวทางจิตใจ
และเพื่อการดูนิทรรศการ Van Gogh. Life and Art อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ต่อจากนี้คือเรื่องราวและงานศิลปะของศิลปินผู้ไม่เคยได้รับความรักตอนมีชีวิต แต่กลับสร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกในทุกวันนี้
ฟินเซ็นต์ ฟัน โคค เป็นจิตรกรชาวดัชต์ผู้มีผลงานศิลปะลัทธิโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์ (Post-Impressionism) เขามีชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ภายในเวลาเพียง 10 ปี เขารังสรรค์ผลงานจิตรกรรมจำนวน 930 ชิ้น ภาพวาดและภาพสเก็ตช์อีก 1,100 ชิ้น ทว่าผลงานของเขาไม่ได้เป็นที่จดจำเลยในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ เขาขายภาพวาดได้เพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น และจากโลกนี้ไปด้วยความยากจนและเศร้าหมอง
ปัจจุบัน วินเซนต์ แวน โก๊ะ เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในระดับต้นๆ ของโลก แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานศิลปะก็ยังสามารถแยกงานของเขาออกจากงานของศิลปินอื่นๆ ได้ งานจิตรกรรมของแวน โก๊ะ ติดอันดับชิ้นงานที่แพงที่สุดในงานประมูล
แวน โก๊ะ ใส่จิตวิญญาณ และอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเข้าไปในชิ้นงานของเขา ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ความเศร้าโศก และสภาวะทางจิตใจที่ไม่ค่อยเสถียรนัก สิ่งนี้ช่วยเติมเต็มลงานแต่ละชิ้นของเขาให้สื่อความหมายอย่างลึกซึ้ง ทุกชิ้นล้วนนำเสนอมุมมองที่แวน โก๊ะเองมองเห็นฉากต่างๆ แล้วตีความด้วยสายตา ความคิด และหัวใจของเขา
เทคนิคการวาดของศิลปินไม่เพียงแต่เกิดจากการเปลือยกายทางจิตที่ไร้ขอบเขตผ่านการวาดภาพเท่านั้น รูปทรง สัญลักษณ์ สี และรอยแปรงพู่กันต่างถูกนำมาใช้เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ของศิลปินทั้งสิ้น ทำให้งาน ของแวน โก๊ะ แสดงถึงเบื้องหลังของชีวิต อารมณ์และความประทับใจของเขาคงอยู่มาหลายชั่วอายุคน และกลายเป็นสัญลักษณ์สากลของความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้