การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป บางช่วงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางช่วงลงต่อเนื่อง หรือบางช่วงเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบๆ ทำให้เราเห็นเป็นแนวโน้มต่างๆ ซึ่งแนวโน้มแบ่งออกเป็น 3 แบบ
แนวโน้มขึ้น (Uptrend)
ทิศทางการเคลื่อนที่ของราคาจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบอกว่า
ราคาหุ้นกำลังขึ้น
การลากเส้นแนวโน้มขึ้น (Uptrend Line)
- เริ่มดูจาก “จุดต่ำสุด” ของช่วงเวลาที่สนใจ
- ลากเส้นจากจุดที่ 1 ไปยังจุดที่ 2 โดยให้ส่วนปลายเลยจุดที่ 2 ออกไป
- หากราคาปรับตัวถึงจุดที่ 3 เป็นสัญญาณยืนยัน “ขาขึ้น”
- ลากเส้นคู่ขนาน เพื่อดูทิศทางการวิ่งของราคา
- หากราคาปรับตัวลงมาใกล้ Uptrend Line อีกครั้ง จะเป็นจุดเข้า “ซื้อ” หุ้น (จุดที่ 4) และอาจ “ขาย” เมื่อราคาขึ้นไปถึงเส้นคู่ขนานอีกครั้ง แต่หากเชื่อว่าราคาจะขึ้นต่อก็ยังไม่ต้องขาย
แนวโน้มลง (Downtrend)
ทิศทางการเคลื่อนที่ของราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบอกว่า
ราคาหุ้นกำลังลง
การลากเส้นแนวโน้มลง (Downtrend Line)
- เริ่มดูจาก “จุดสูงสุด” ของช่วงเวลาที่สนใจ
- ลากเส้นจากจุดที่ 1 ไปยัง 2 โดยให้ส่วนปลายเลยจุดที่ 2 ออกไป
- ณ จุดที่ 3 หากราคาหุ้นไม่สามารถข้ามเส้น Downtrend Line ได้ จะเป็นสัญญาณยืนยัน “ขาลง”
- ลากเส้นคู่ขนาน เพื่อดูทิศทางการวิ่งของราคา
- หากราคาปรับตัวขึ้นมาใกล้ Downtrend Line อีกครั้ง จะเป็นจุดในการตัดสินใจ “ขาย” หุ้น (จุดที่ 4)
แนวโน้มเคลื่อนที่ไปข้างๆ (Sideways)
ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาจะอยู่ในกรอบแคบๆ เป็นสัญญาณบอกว่า
ราคาหุ้นไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก
อาจเพราะไม่มีปัจจัยบวกหรือลบมาทำให้ทิศทางเปลี่ยน
- กรณีที่เป็น Sideways ราคาค่อนข้างราบเรียบขนานไปกับพื้นราบ หากต้องการทำกำไรระยะสั้น อาจสั่ง “ซื้อ” ณ จุดที่ 6 และ “ขาย” เมื่อราคาไปแตะเส้นคู่ขนานด้านบน
การลากเส้นแนวโน้มและเส้นคู่ขนานจะทำให้นักลงทุนเห็นกรอบการวิ่งของราคา พูดง่ายๆ ก็คือ เห็น “แนวรับ” และ “แนวต้าน” ของหุ้นในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งโดยทั่วไปหากราคาหุ้นวิ่งทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านนี้ไปได้ ราคาก็มักจะไปต่อในทิศทางนั้นอย่างมีนัยสำคัญ เส้นที่เคยเป็นแนวรับก็จะกลายเป็นแนวต้าน และเส้นเคยเป็นแนวต้านก็จะกลายเป็นแนวรับ
ขอบคุณข้อมูล https://www.set.or.th/