เทคนิค…คิดเลขเร็วสูตรคิดเลขเร็วในแบบต่างๆ ซึ่งทำออกมาในลักษณะแผนภาพ หรืออินโฟกราฟิก ที่รวบรวมมาในกระทู้นี้ สำหรับน้องๆ ที่ต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยเฉพาะ
1. บวกและลบเลขจากซ้ายไปขวา
โดยทั่วไป เราถูกสอนให้บวกและลบเลขจากหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย หลักพันไปเรื่อย ๆ กล่าวคือ จากหลักเล็ก ๆ ไปหลักใหญ่หรือจากขวาไปซ้าย แต่สำหรับการคิดเลขในใจแล้ว การคำนวณจากซ้ายไปขวาหรือเริ่มจากเลขที่มีค่ามากที่สุดนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่า เช่น 39+54 สามารถคำนวณในใจได้โดยการบวกตัวเลขในหลักสิบก่อน คือ 30+50 = 80 จากนั้นจึงบวกตัวเลขในหลักหน่วย คือ 9+4 = 13 และนำผลลัพธ์ที่ได้ทั้งหมดมารวมกันอีกที คือ 80+13 = 93
2. ปรับตัวเลขให้เป็นเลขจำนวนเต็มของหลักเพื่อการคำนวณที่ง่ายขึ้น
เมื่อต้องคำนวณตัวเลขจำนวนมาก ๆ ในใจ วิธีที่ทำให้มันง่ายขึ้นก็คือ การปรับค่าตัวเลขให้เป็นเลขจำนวนเต็มของหลักใดหลักหนึ่ง เช่น 794+230 ให้นำ 794 บวกด้วย 6 ก่อน จะได้ 800 จากนั้นจึงนำไปบวกกับ 230 ซึ่งเขียนได้เป็น 800+230 = 1,030 จากนั้นจึงค่อยนำ 6 มาลบออกไป จะได้คำตอบที่ถูกต้องคือ 1,024
3. จดจำตารางสำเร็จรูปให้ได้เพื่อการคำนวณที่รวดเร็วขึ้น
ค่าการหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการคิดเลขในใจ เพราะบางครั้งการหารก็ไม่ลงตัวและทำให้เหลือเป็นเลขเศษส่วนหรือทศนิยม ซึ่งหากเราจดจำตารางค่าการหารที่ใช้บ่อยได้ เราก็จะสามารถตอบโจทย์ง่าย ๆ ที่อาจจะซ่อนอยู่ในโจทย์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งช่วยให้การทำโจทย์ข้อนั้น ๆ เร็วขึ้นได้ โดยค่าการหารที่ใช้บ่อยและควรจดจำมีดังนี้
เลขเศษส่วน
|
เลขทศนิยม
|
เปอร์เซ็นต์
|
1/2
|
0.5
|
50%
|
1/3
|
0.333…
|
33.333%
|
2/3
|
0.666…
|
66.666%
|
1/4
|
0.25
|
25%
|
3/4
|
0.75
|
75%
|
1/5
|
0.2
|
20%
|
2/5
|
0.4
|
40%
|
3/5
|
0.6
|
60%
|
4/5
|
0.8
|
80%
|
1/6
|
0.1666…
|
16.666…%
|
5/6
|
0.8333…
|
83.333…%
|
4. เรียนรู้เคล็ดลับการคูณ
– เคล็ดลับที่ง่ายและชัดเจนที่สุดสำหรับการคูณก็คือ จำนวนใด ๆ ที่คูณด้วย 10 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับจำนวนนั้น ๆ เติมศูนย์ที่ท้ายจำนวน เช่น 78×10 = 780 หรือ 32×10 = 320
– จำนวนใด ๆ ที่คูณด้วย 5 จะได้คำตอบเป็นจำนวนที่ลงท้ายด้วยเลข 0 หรือ 5 เสมอ
– การคูณจำนวนใด ๆ ด้วย 5 เราสามารถหาคำตอบอย่างง่ายได้โดยคูณจำนวนนั้นด้วย 10 ก่อน แล้วจึงนำมาหาร 2 เช่น 5×612 = 6120/2 = 3060
– จำนวนใด ๆ ที่คูณด้วย 5 จะได้คำตอบเป็นจำนวนที่ลงท้ายด้วยเลข 0 หรือ 5 เสมอ
– การคูณจำนวนใด ๆ ด้วย 5 เราสามารถหาคำตอบอย่างง่ายได้โดยคูณจำนวนนั้นด้วย 10 ก่อน แล้วจึงนำมาหาร 2 เช่น 5×612 = 6120/2 = 3060
5. จดจำตัวเลขยกกำลัง
ในการคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์หลาย ๆ ข้อ มักมีเลขยกกำลังเข้ามาเกี่ยวข้อง และมันเป็นความคิดที่ดีที่คุณจะจดจำตัวเลขยกกำลังในแบบสำเร็จรูปเพื่อการคำนวณที่รวดเร็วขึ้น เช่น 23×22 หากเราจำได้ว่าเลขยกกำลังสองของ 23 เท่ากับ 529 เราก็สามารถนำ 529 – 23 ได้เลย ซึ่งคำตอบจะได้เป็น 506
จำนวน
|
เลขยกกำลังสอง
|
1
|
1
|
2
|
4
|
3
|
9
|
4
|
16
|
5
|
25
|
6
|
36
|
7
|
49
|
8
|
64
|
9
|
81
|
10
|
100
|
11
|
121
|
12
|
144
|
13
|
169
|
14
|
196
|
15
|
225
|
16
|
256
|
17
|
289
|
18
|
324
|
19
|
361
|
20
|
400
|
21
|
441
|
22
|
484
|
23
|
529
|
24
|
576
|
25
|
625
|
6. ทำให้ปัญหาใหญ่แตกออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
ในโจทย์ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยตัวเลขมากกว่า 1 จำนวน เราสามารถแยกตัวเลขเหล่านั้นออกมาเป็นหลายจำนวนได้โดยให้อยู่ในรูปที่คำนวณง่ายขึ้น เช่น จำนวนใด ๆ คูณด้วย 12 จะเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนนั้น 10 เท่าบวกกับจำนวนนั้นคูณด้วย 2 เช่น 6×12 สามารถแยกได้เป็น (6×10)+(6×2)= 60+12 = 72 หรือ 6x(12+23) สามารถแยกได้เป็น (6×12)+(6×20)+(6×3) = 72+120+18 = 210 จะสังเกตได้ว่าเราสามารถนำกฎการบวก การลบ การคูณ และการหาร มาใช้เพื่อให้สามารถคำนวณตัวเลขรวดเร็วขึ้นได้
7. ใช้สัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในกรณีที่มีตัวเลขจำนวนสูง ๆ
เมื่อคำนวณตัวเลขที่มีจำนวนสูง ๆ ในใจ เราสามารถเปลี่ยนพวกมันให้อยู่ในรูปสัญลักษณ์ได้ ตัวอย่างเช่น 44,000,000,000/400,000 เราสามารถเปลี่ยนตัวเลข 44,000,000,000 ให้เป็น 44×109 ส่วนตัวเลข 400,000 สามารถเปลี่ยนให้อยู่ในรูป 4×105 ซึ่งแยกได้เป็น 44/4 และ 109/105 จะได้ 11×104 หรือ 110,000 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กฎการหารเลขยกกำลังทำให้เราคำนวณตัวเลขจำนวนสูง ๆ ได้ง่ายขึ้น
8. การตัดเลข 0 ออกก่อนคำนวณ
เมื่อมีการบวกและลบโดยท้ายจำนวนเป็นเลข 0 ทั้งสองจำนวนในโจทย์ เราสามารถตัดเลข 0 ออกไปก่อนสำหรับการคำนวณตัวเลขในใจได้ แล้วค่อยนำกลับมาเติมในภายหลัง เช่น 350-40 เมื่อตัดเลข 0 ที่ท้ายจำนวนในโจทย์ออกไปก่อนการคำนวณ จะได้เป็น 35-4 =31 จากนั้นจึงนำเลข 0 ใส่กลับเข้าไป จะได้คำตอบเป็น 310 หรือ 800+300 เมื่อตัดเลข 0 ที่ท้ายจำนวนในโจทย์ออกไปก่อนการคำนวณ จะได้เป็น 8+3 = 11 จากนั้นจึงนำเลข 0 ใส่กลับเข้าไป จะได้คำตอบเป็น 1,100
9. คำนวณตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์
ในกรณีที่ต้องการคำนวณเปอร์เซ็นต์ หากเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะสามารถใช้วิธีเลื่อนจุดทศนิยมได้ เช่น เมื่อคำนวณค่าทิป 10% ของราคาอาหาร 1,387.25 บาท ให้ย้ายจุดทศนิยมไปทางซ้าย 1 จุด ก็จะได้ 138.725 บาท หรือถ้าต้องการคำนวณ 15% ของ 40 ก็สามารถแยกคำนวณ 10% ของ 40 ก่อน ซึ่งจะได้ 4 จากนั้นจึงคำนวณอีก 5 % ที่เหลือ แต่ 5% เป็นครึ่งหนึ่งของ 10% จึงกล่าวได้ว่า 5% ของ 40 จะเท่ากับ 2 เมื่อนำ 4+2 ก็จะได้คำตอบเป็น 6 ซึ่งก็คือ 15% ของ 40 นั่นเอง
แหล่งที่ https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/66028/-blo-scimat-sci-