“เทสลา” บริษัทที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดีในฐานะผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กี่ครั้งสร้างเสียงฮือฮาได้ตลอด แต่ครั้งนี้มิใช่เรื่องรถรุ่นใหม่ แต่กลับเป็นเรื่องราวของการที่บริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจนกระทั่งแซงหน้าบริษัทฯผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กลายเป็นบริษัทที่ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดของตลาดสหรัฐอเมริกา จากราคาหุ้นที่ขยับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม
เทสลาก้าวขึ้นมาถึงอันดับ 1 ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เมื่อราว 2 ปีก่อน นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างแสดงความเห็นว่าเทสลาจะล้มละลาย ปัจจุบันเทสลาหักปากกาเซียนนักวิเคราะห์ทุกแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เทสลา นั้นก่อตั้งในปี 2003 โดยวิศวกรชาวอเมริกันสองคน ได้แก่ Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ซึ่งมองเห็นว่ารถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่นั้นน่าจะตอบโจทย์การใช้งานของรถในอนาคตจึงเริ่มต้นสร้างรถยนต์ไฟฟ้าขึ้น โดยไม่กี่เดือนถัดมาได้มีผู้ร่วมอุดมการณ์อีก 3 คน ก่อตั้ง Tesla Motor ขึ้น และหนึ่งในนั้นมีชื่อว่า Elon Musk ซึ่งรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO จนถึงปัจจุบัน
บริษัทเน้นด้านการพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมกับการจดสิทธิบัตรทางการประดิษฐ์มากมายหลายรายการทั้ง ระบบขับเคลื่อน, มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ซอฟต์แวร์หรือระบบปฏิบัติการ ที่ล่าสุดเทสลาพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติมาจนถึงระดับที่ 4 ที่สามารถให้รถขับเคลื่อนได้เอง แม้จะยังไม่ใช่การขับแบบไร้คนขับ 100%
แม้โรดสเตอร์จะยุติการผลิตไปแล้วเกือบ 10 ปี แต่ปัจจุบัน เทสลายังไม่ทิ้งโดยมีการอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ รวมถึงแพคเกจเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ใหม่เป็นขนาด 80 kWh ทดแทนแบตเตอรี่ลูกเก่า
ถัดมาในปี 2012 เป็นการทำตลาดด้วยรุ่น “โมเดล เอส” (Model S) รถแบบซีดาน ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่จุดประกายความสำเร็จด้วยแบตเตอรี่ขนาด 60 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 335 กม. และพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดราว 647 กม.
ในปี 2015 เป็นการเริ่มขายครั้งแรกของ “โมเดล เอ็กซ์” (Model X) รถยนต์แบบอเนกประสงค์เอสยูวี ที่มีความโดดเด่นด้วยขนาดที่ใหญ่และมีประตูบานหลังเปิด-ปิดแบบปีกนกอินทรี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ยอดจองล่วงหน้าเมื่อครั้งเปิดตัวมากถึง 30,000 คัน นับเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ประสบความสำเร็จทำตลาดมาจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จสูงสุดของเทสลาเกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อเปิดตัวรุ่น “โมเดล 3” (Model 3) ด้วยขนาดกะทัดรัด ชาร์จเร็ววิ่งไกลและราคาที่ซื้อหาได้ง่าย (เริ่มต้นราว 1 ล้านบาท ดูตารางประกอบ) ทำให้รุ่นนี้สร้างประวัติศาสตร์เป็นรถยนต์ที่มียอดจองสูงที่สุดในโลกด้วยตัวเลขมากกว่า 325,000 คัน ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังการเปิดตัว และมียอดจองทะลุ 500,000 คันภายใน 3 เดือน
ส่วนรุ่นล่าสุดที่พร้อมจำหน่ายได้แก่ โมเดลวาย (Model Y) รถแบบอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดที่ใช้พื้นฐานเดียวกับโมเดล 3 ในการพัฒนา แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย รองรับได้มากถึง 7 ที่นั่ง ระยะทางวิ่งไกลสุด 480 กม.
สำหรับประเทศไทย ยังไม่เห็นในแผนการทำตลาดของเทสลา ซึ่งนโยบายของเทสลานั้นจะไม่มีการตั้งตัวแทนจำหน่ายหรือให้สิทธิในการนำเข้ามาจำหน่ายแต่อย่างใด หากเทสลาจะทำตลาดในประเทศใด เทสลาจะเข้ามาดูแลด้วยตัวเอง ดังนั้น คนไทยหากสนใจเทสลาคงทำได้แค่เพียง รอหรือลุ้นให้เทสลาอนุญาตให้โรงงานที่จีนผลิตรถพวงมาลัยขวาส่งออกมาจำหน่ายที่ไทย
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://m.mgronline.com