การเลือกสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองเป็นอีกวิธีง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันโรคสมองและระบบประสาท และทำให้สมองทำงานได้ดี แล้วเราควรเลือกทานอะไรดี?
.
- วิตามินชนิดต่างๆ ได้แก่ วิตามินบี 1, บี 6, บี 12, วิตามินซี, วิตามินอี ซึงสามารถพบได้ในอาหารประเภทผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี วิตามินจะช่วยสนับสนุนการทำงานของกระแสประสาท ทำให้ความจำระยะสั้นดีขึ้น ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยส่งออกซิเจนเลี้ยงสมอง
- ไขมันโอเมก้า 3 ไขมันเป็นส่วนประกอบของเซลล์สมอง โครงสร่งของสมองมีไขมันอยู่ถึง 60% การรับประทานไขมันโอเมก้าจึงช่วยให้สมองอบอุ่นและแข็งแรง ไขมันโอเมก้าได้รับจากการรับประทานอาหารต่างๆ เช่น ปลาทะเล ปลาทู เมล็ดธัญพืชเปลือกแข็งต่างๆ เช่น งา เมล็ดเซีย น้ำมันมะกอก (ไม่ผ่านความร้อน) น้ำมันทานตะวัน เป็นต้น
- คาร์โบไฮเดรต หรือน้ำตาลกลูโคส สมองจำเป็นต้องใช้น้ำตาลกลูโคสที่ได้จากคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงาน ร่างกายต้องการคาร์โบไฮเดรตมาใช้ในชีวิตประจำวันในปริมาณที่เหมาะสม สังเกตว่าการไดเอตแบบงดแป้ง งดคาร์โบไฮเดรตไปเลย จะทำให้ผู้ไดเอตไม่ค่อยสดชื่น “หัวตื้อ” คิดติดๆขัดๆ หลงๆ ลืมๆ สติไม่อยู่กับตัว นั้น เพราะว่าสมองทำงานไม่เต็มที่นั้นเอง
- โคลีน เป็นสารอาหารสำคัญที่มีความจำป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยเรื่องความจำระยะสั้น และช่วยให้สมองจดจำ และดึงตวามทรงจำต่างๆออกมาได้ดีขึ้น โคลีนมักพบในอาหารประเภทไข่แดง เครื่องใน แต่อาหารเหล่านี้มีไขมันสูงมาก ปัจจุบันการแนะนำให้ทานโคลีนจากอาหารเสริมจึงได้รับความนิยมมากขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีกรดอะมิโนอีกหลายๆ ชนิดที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ แต่สมองต้องการก็อาศัยหาทานได้จากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ทั้งไก่ ปลา หมู เนื้อ และอาหารถั่วที่ให้โปรตีนสูงอีกหลายชนิด
.
สำหรับคำถามว่าควรทานอาหารบำรุงสมองบ่อยแค่ไหน คำตอบคือ “ทุกวัน” เพราะในทุกๆวันจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์สมองเป็นล้านๆ เซลล์ เซลล์เก่าตายไป และเซลล์ใหม่ถูกกระตุ้นขึ้นมาแทนที่ เซลล์เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีการเจริญของเซลล์ใหม่ได้ไม่เร็วเท่าเซลล์เก่าที่ตายไป ทำให้เกิดปัญหาโรคระบบประสาท การเลือกทานอาหารเสริมบำรุงสมองเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอทุกวันเป็นสิ่งจำเป็น
สารอาหารบำรุงสมอง
สมองต้องการสารอาหารทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ดังนั้นเพื่อส่งเสริมการทำงานของสมอง จึงควรรับประทานอาหารให้ได้ครบ 5 หมู่ หลากหลายและไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
คาร์โบไฮเดรต สมองต้องการคาร์โบไฮเดรตในรูปน้ำตาลกลููโคสเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ ควรเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตในรูปที่ไม่ขัดสี เพราะการรับประทานแป้งและน้ำตาลมากเกินไปส่งผลให้สมองเฉื่อย
โปรตีน ทำหน้าที่ช่วยเป็นสารสื่อระหว่างเซลล์กับเซลล์ ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ชนิดไม่ติดมัน และในหนึ่งสัปดาห์ควรรับประทานปลาน้ำลึกอย่างน้อย 2-3 ครั้ง เนื่องจากมีสารโอเมกา-3 ซึ่งเป็นสารบำรุงสมองที่สำคัญ แต่หลักสำคัญคือ อย่ารับประทานปลาเพียงชนิดเดียว ควรเลือกรับประทานปลาหลากชนิดสลับหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างที่อาจอยู่ในเนื้อปลา สำหรับปลาในประเทศไทย เช่น ปลาทู ปลากระพง ปลาเก๋า ก็เป็นปลาที่มีโอเมกา-3 เช่นกัน สามารถเลือกรับประทานสลับกันไปได้ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องรับประทานปลาทะเลทุกมื้อ อาจเปลี่ยนเป็นปลาน้ำจืดบ้าง แต่ควรทำให้สุกเพื่อป้องกันพยาธิและแบคทีเรียต่างๆ โดยวิธีการปรุงอาหารควรใช้การนึ่ง ต้ม หรือย่าง จะดีกว่าการทอด
ไขมัน มีความสำคัญในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและเยื่อบุผิวของเนื้อเยื่อสมอง โดยกรดไขมันที่มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์สมอง เยื่อหุ้มประสาทสมอง และการทำงานของร่างกาย ได้แก่ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่รู้จักกันดีในชื่อโอเมก้า 3, 6 และ 9 ทั้งนี้ควรเลือกรับประทานเฉพาะไขมันหรือน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว ไขมันทรานส์ เพราะนอกจากไขมันเหล่านี้จะมีผลต่อสมอง โดยเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอัลไซเมอร์ถึง 2 เท่าแล้วยังส่งผลร้ายกับหัวใจอีกด้วย
วิตามินบี 1 ช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองแข็งแรง พบมากในถั่ว งา ข้าวโพด หรืออาหารที่ปรุงจากเมล็ดข้าว เช่น ขนมปังที่ทำจากแป้งไม่ขัดขาวหรือมีธัญพืชผสม พาสตา รวมถึงในข้าวกล้องที่เรารับประทานกันทุกวัน สำหรับในผู้สูงอายุแนะนำให้รับประทานงาคั่วและบด เพราะจะช่วยให้ย่อยได้ดีกว่าการรับประทานเป็นเม็ด
วิตามินบี 5 ช่วยในการถ่ายทอดสัญญาณประสาทเมื่อถูกกระตุ้น พบในเนื้อวัว สัตว์ปีก ไข่ ปลา ธัญพืช รวมถึงนมสดและผลไม้
โคลีน เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมอง มีอยู่ในอาหารจำพวกข้าวกล้อง ข้าวโพด ซึ่งมีมากในส่วนที่เป็นจมูกข้าวโพด ในคนที่ชอบรับประทานข้าวโพดฝานมักจะไม่ได้รับโคลีน ดังนั้นควรใช้มีดฝานลงไปให้ลึกถึงซังข้าวโพดเพื่อให้ได้รับโคลีน นอกจากนี้ โคลีนยังพบได้ในไข่แดง ซึ่งคนที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงต้องระวังไม่รับประทานมากเกินไป
วิตามินบี 6 ช่วยในการผลิตสารเคมีในสมอง พบในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ธัญพืช
วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์ และบำรุงเนื้อเยื่อประสาท พบได้แต่เฉพาะในเนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ ในคนที่ขาดวิตามินบี 12 อาจส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติจึงควรหมั่นตรวจว่ามีโรคของวิตามินบี 12 ต่ำหรือไม่ ถ้าต่ำแพทย์อาจให้รับประทานวิตามินบี 12 ชนิดเม็ดเพิ่มเติม
กรดโฟลิก จำเป็นต่อระบบรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกในสมอง พบมากในกล้วย ส้ม มะนาว สตรอเบอร์รี แคนตาลูป ผักใบเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง หรือถั่วลันเตา และเป็นกรดที่สำคัญมากสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ ช่วยในการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกจากแม่ไปสู่ลูก
แมงกานีส เป็นเกลือแร่ที่ช่วยดูแลสุขภาพของสมองและระบบประสาท พบมากในอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม แต่ต้องระวังในเรื่องของคอเลสเตอรอลและแบคทีเรียในกรณีที่รับประทานสด
แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียม เป็นสารอาหารที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท พบในผักใบเขียวและผลไม้ เช่น กล้วยหอม สับปะรด ทั้งนี้การรับประทาน ผัก ผลไม้จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยชะลอการเสื่อมของสมอง และป้องกันไม่ให้สมองถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
สารแคปไซซิน มีอยู่ในเม็ดพริก ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนผ่านเส้นเลือดขนาดเล็กในสมองได้ดี ควรรับประทานพริกสดมากกว่าพริกป่น เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อราอะฟลาทอกซิน แต่ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารควรระมัดระวัง เพราะพริกอาจทำให้เป็นแผลมากขึ้น
วิตามินซี วิตามินอี และเบตาแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม จึงอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ สารต้านอนมูลอิสระนี้พบในผัก ผลไม้ และถั่วต่างๆ ควรรับประทานผักผลไม้สีเข้มๆ ต่างชนิดกันไป
ขมิ้น มีสารเคอร์คูมิน ช่วยต้านการอักเสบและลดการเสื่อมของสมองจากโรคอัลไซเมอร์ มีงานวิจัยที่พบว่าชาวอินเดียมีอัตราการเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากใช้ขมิ้นประกอบอาหารกันมาก
แหล่งข้อมูล https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/august-2012/nutrition-for-brain-health
Author: Tuemaster Admin
ทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด !! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม.ปลาย (ม.4, ม.5, ม.6)