โควิด-19 นำความหายนะมาสู่ทุกประเทศทั่วโลกพร้อมๆ กัน ต่างจากทั้งปี 2008 ที่เป็นวิกฤตของซีกโลกพัฒนาแล้ว หรือช่วงต้นทศวรรษ 1980 และปี 1997 ที่เป็นวิกฤตของประเทศตลาดเกิดใหม่ จนถึงวันนี้การแพร่ระบาดลุกลามไปถึงกว่า 180 ประเทศทั่วโลก
ประชากรโลกราว 2.2 พันล้านคน (25% ของประชากรโลก) ตกอยู่ภายใต้ภาวะ ‘ปิดเมือง’ (lockdown) ในอย่างน้อย 23 ประเทศ ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ประสบกับวิกฤตชนิดที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในแทบทุกช่องทางอย่างไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ ความหวั่นวิตกต่อโรคระบาด รวมทั้งมาตรการของทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อรับมือและทำสงครามกับโรคร้ายนี้ ส่งผลกระทบต่อทั้งด้านการผลิต การใช้จ่ายของครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนจากทั้งภายนอกและภายประเทศ รายได้ของธุรกิจและแรงงาน การจ้างงานทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ สภาพคล่องทางการเงิน และความมั่งคั่งทางการเงิน‘Economic shutdown’ หรือ ‘Sudden stops’ คือภาวะชะงักงันของระบบเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิงก็ไม่ผิดนัก จึงสร้างบาดแผลทางเศรษฐกิจและสังคมได้ลึกและเป็นวงกว้างยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจการเงินครั้งที่ผ่านมา และอาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินและความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ของภาคธุรกิจ จนเกิดอุบัติเหตุทางการเงิน
-ขอขอบคุณ บทความ โดย KKP Research, Kiatnakin Phatra Financial Group
และ https://forbesthailand.com