ยกตัวอย่างชื่อไวรัส 10 ชื่อ พร้อม บอกวิธีการป้องกัน
ไวรัสคอมพิวเตอร์ในโลกนี้มีนับล้านๆ ตัว แต่ยกประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์มา ดังนี้
1. บูตเซกเตอร์ไวรัส (Boot Sector Viruses) หรือ Boot Infector Viruses คือไวรัส
ที่เก็บตัวเองอยู่ในบูตเซกเตอร์ของดิสก์ การใช้งานของบูตเซกเตอร์ คือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน
ขึ้นมาครั้งแรก เครื่องจะเข้าไปอ่านบูตเซกเตอร์ โดยในบูตเซกเตอร์จะมีโปรแกรมเล็ก ๆ ไว้ใช้ในการเรียก
ระบบปฏิบัติการขึ้นมาทำงาน
การทำงานของบูตเซกเตอร์ไวรัสคือ จะเข้าไปแทนที่โปรแกรมที่อยู่ในบูตเซกเตอร์ โดยทั่วไปแล้วถ้าติดอยู่ในฮาร์ดดิสก์ จะเข้าไปอยู่บริเวณที่เรียกว่า Master Boot Sector หรือ Partition Table ของฮาร์ดดิสก์นั้น ถ้า บูตเซกเตอร์ของดิสก์ใดมีไวรัสประเภทนี้ติดอยู่ ทุก ๆ ครั้งที่บูตเครื่องขึ้นมา เมื่อมีการเรียนระบบปฏิบัติการ จากดิสก์นี้ โปรแกรมไวรัสจะทำงานก่อนและเข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำงานตามที่ได้ถูกโปรแกรม มา ก่อนที่จะไปเรียนให้ระบบปฏิบัติการทำงานต่อไป ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
2. โปรแกรมไวรัส (Program Viruses) หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่ง
ที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปอยู่ใน
โปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น SYS ได้ด้วยการทำงานของไวรัสประเภทนี้ คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัส ส่วนของไวรัสจะทำงานก่อนและจะถือโอกาสนี้ฝังตัวเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมนั้นทำ งานตามปกติ เมื่อฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำแล้วหลังจากนี้หากมีการ เรียกโปรแกรมอื่น ๆ ขึ้นมาทำงานต่อ ตัวไวรัสจะสำเนาตัวเองเข้าไปในโปรแกรมเหล่านี้ทันที เป็นการแพร่ระบาดต่อไป
นอกจากนี้ไวรัสนี้ยังมีวิธีการแพร่ระบาดอีกคือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่มีไวรัสติดอยู่ ตัวไวรัสจะเข้าไปหา โปรแกรมอื่น ๆ ที่อยู่ติดเพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันที แล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูกเรียกนั้นทำงานตามปกติต่อไป
3. ม้าโทรจัน (Trojan Horse) เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรมธรรมดา ทั่ว ๆ ไป เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทำการเรียนขึ้นมาทำงาน แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมา ก็จะเริ่มทำลายตามที่โปรแกรมมาทันที ม้าโทรจันบางตัวถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งชุด โดยคนเขียนจะทำการตั้งชื่อโปรแกรมพร้อมชื่อรุ่นและคำ อธิบาย การใช้งาน ที่ดูสมจริง เพื่อหลอกให้คนที่จะเรียกใช้ตายใจ
จุดประสงค์ของคนเขียนม้าโทรจันคือเข้าไปทำอันตรายต่อ ข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่อง หรืออาจมีจุดประสงค์เพื่อที่จะล้วง เอาความลับของระบบคอมพิวเตอร์ ม้าโทรจันถือว่าไม่ใช่ไวรัส เพราะเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาโดด ๆ และจะไม่มีการ
เข้าไปติดในโปรแกรมอื่นเพื่อสำเนาตัวเอง แต่จะใช้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้ เป็นตัวแพร่ระบาดซอฟต์แวร์ที่มี ม้าโทรจันอยู่ในนั้นและนับว่าเป็นหนึ่งในประเภทของโปรแกรมที่มีความอันตรายสูง เพราะยากที่จะตรวจสอบและ สร้างขึ้นมาได้ง่าย ซึ่งอาจใช้แค่แบต์ไฟล์ก็สามารถโปรแกรมม้าโทรจันได้
4. โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Viruses) เป็นชื่อที่ใช้เรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปลี่ยนตัวเอง ได้เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้น ซึ่งอาจได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจัดโดยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
5. สทิลต์ไวรัส (Stealth Viruses) เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรม ใดแล้วจะทำให้ขนาดของ โปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทิสต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มขึ้นได้
เนื่องจากตัวไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิม ทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
6. Macro viruses จะติดต่อกับไฟล์ซึ่งใช้เป็นต้นแบบ (template) ในการสร้างเอกสาร (documents หรือ spreadsheet) หลังจากที่ต้นแบบในการใช้สร้างเอกสาร ติดไวรัสแล้ว ทุก ๆ เอกสารที่เปิดขึ้นใช้ด้วยต้นแบบอันนั้นจะเกิดความเสียหายขึ้น
7. W32.MSN.Worm
ประเภท Worm ลักษณะที่หนอนใช้ส่งจะประกอบไปด้วยข้อความต่างๆ แล้วตามด้วยไฟล์ Image.zip
และสามารถแพร่กระจายผ่านทางโปรแกรมสนทนา MSN Messenger
ผลเสียที่เกิด
1.เครื่องอาจทำงานผิดพลาด : เนื่องจากหนอนชนิดนี้ทำการแก้ไขค่าในรีจิสทรี สร้างไฟล์ขึ้นมา รวมทั้งมีการยุติการทำงานบางเซอร์วิสของระบบปฏิบัติการด้วย
2.เปิดการเชื่อมต่อที่ผิดปกติ : หนอนชนิดนี้จะส่งไฟล์ของหนอนไปยังบัญชีรายชื่ออื่นๆ ที่อยู่ในลิสต์ของโปรแกรมสนทนา MSN Messenger
วิธีป้องกัน
1.ห้ามรับหรือรันไฟล์ที่ถูกส่งด้วยโปรแกรมสนทนา (Chat) ต่างๆ เช่น MSN, Yahoo, IRC, ICQ หรือ Pirch เป็นต้น จากบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่มั่นใจว่าผู้ส่งเป็นใครและไม่ทราบว่าไฟล์ดังกล่าวนั้นเป็นไฟล์อะไร
2.สร้างแผ่นกู้ระบบฉุกเฉิน (Emergency disk) ของโปรแกรมป้องกันไวรัส และปรับปรุงฐานข้อมูลในแผ่นอยู่เสมอ
ติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงช่องโหว่ (patch) ของทุกซอฟต์แวร์อยู่เสมอ โดยเฉพาะ Internet Explorer และระบบปฏิบัติการ ให้เป็นเวอร์ชันใหม่ที่สุด
3.ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส และต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสให้ทันสมัยอยู่เสมอ
8. Hacked By MooZilla
ไฟล์ : Spoof
ผลเสียที่เกิดขึ้น
1. เครื่องจะไม่สามารถ Double Click เปิดไดร์ฟต่างๆได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวาเพื่อเปิดไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือ Explore
2. มีข้อความปรากฏบน Title Bar ของ Internet Explorer ว่า “Hacked by Moozilla”
3. เวลาเข้าเวปจะลิงค์ไปที่หน้าของเวปเกมเวปหนึ่งทุกครั้ง
วิธีแก้ไข
1. ให้ท่านดาวน์โหลด โปรแกรม Fix “Hacked By Godzilla” ไปลงที่เครื่องครับ คลิกดาวโหลด
2. ทำการเปิดโปรแกรมขึ้นมาครับ หลังจากนั้นมีหน้าต่างโชว์ ข้อมูลเกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์ของโปรแกรมครับ ให้กด I Agree
3. จากนั้นในหน้าต่างถัดไปจะมี Option ให้เลือกครับว่า ต้องการอะไรบ้าง โดย
– Remove Godzilla[Butsur.A,B] คือการกำจัดตัว ไวรัสทั้งสองนี้ออกไป
– Remove Autorun.inf คือการกำจัดตัว Autorun ของไดร์ฟนั้นๆออกไป (เพื่อเป็นการกันไม่ให้ไวรัสติดมาและกระจายตัวอีกครับ)
– Scan and clean with NOD32 ทำการสแกนเครื่องของคุณด้วย NOD32 อีกครั้ง สำหรับใน Option นี้สำหรับผู้ที่ติดตั้งโปรแกรม Nod32 Antivirus หากเครื่องของท่านไม่ได้ติดตั้งไว้ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกในหัวข้อนี้
4. หลังจากนั้นโปรแกรมจะขึ้นมาให้เลือก Drive ที่มีปัญหา ซึ่งหากไม่รู้ก็ให้เลือก Scan ทีละ Drive จนครบทั้งหมด
5. หลังจากกำจัดไวรัสเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์
9. W32.Sober.AG@mm
ประเภท : fishing
ผลเสียที่เกิดขึ้น
1.ส่งอี-เมล์ออกมาเป็นจำนวนมาก : หนอนจะส่งอี-เมล์โดยใช้ SMTP ของหนอนเอง
2.เครื่องอาจทำงานผิดพลาด : เนื่องจากหนอนจะแก้ไขไฟล์และรีจิสทรีย์ ทำให้เครื่องทำงานผิดพลาดได้
3.ลดระดับความปลอดภัยของเครื่อง : เขียนทับไฟล์ที่ชื่อ luall.exe ซึ่งจะรันตัวหนอนทุกครั้งที่มีการเรียกโปรแกรม Live Update
วิธีแก้ไข การกำจัดหนอนแบบอัตโนมัติ
1.ดาวน์โหลดโปรแกรม Sysclean.com จากเว็บไซต์ http://www.trendmicro.com/ftp/products/tsc/sysclean.com
2.ดาวน์โหลดไฟล์ pattern ชื่อ lptxxx.zip จาก http://www.trendmicro.com/download/pattern.asp
หมายเหตุ xxx แทนตัวเลขเวอร์ชันล่าสุดของไฟล์ pattern
3.แตกไฟล์ lptxxx.zip นำไฟล์ชื่อ lpt$vpn.xxx เก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ Sysclean.com ที่ได้จากข้อ 1
4.ตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย
5.หยุดการทำงานทุกโปรแกรม รวมทั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสด้วย
6.จากนั้นรันไฟล์ Sysclean.com จะปรากฏไดอะล็อกให้ทำการสแกนโดยกดปุ่ม Scan
7.เริ่มต้นการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกครั้ง
8.ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้อยู่แล้วทำการสแกนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องที่ใช้งานอยู่ไม่มีไวรัส
วิธีป้องกัน
1.ควรลบอี-เมล์ที่น่าสงสัยว่ามีไวรัสแนบมา รวมทั้งอี-เมล์ขยะและอี-เมล์ลูกโซ่ทิ้งทันที
2.ห้ามรันไฟล์ที่แนบมากับอี-เมล์ซึ่งมาจากบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่มั่นใจว่าผู้ส่งเป็นใครและไม่ทราบว่าไฟล์ดังกล่าวนั้นเป็นไฟล์อะไร ตลอดจนไฟล์ที่ถูกส่งด้วยโปรแกรมสนทนา (Chat) ต่างๆ เช่น IRC, ICQ หรือ Pirch เป็นต้น
3.ติดตั้งโปรแกรมต่อต้านไวรัส และต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสเป็นตัวล่าสุดอยู่เสมอ
4.(Emergency disk) ของโปรแกรมป้องกันไวรัส และปรับปรุงฐานข้อมูลในแผ่นอยู่เสมอ
5.ติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงช่องโหว่ (patch) ของทุกซอฟต์แวร์อยู่เสมอ โดยเฉพาะ Internet Explorer และระบบปฏิบัติการ ให้เป็นเวอร์ชันใหม่ที่สุด
6.สร้างแผ่นกู้ระบบฉุกเฉิน
10. W32.Nimda
ประเภท backdoor
การทำงาน
1.กระจายตัวจาก client ไปยัง client โดยผ่านทางอี-เมล์
2.กระจายตัวจาก client ไปยัง client โดยผ่านทาง network shares
3.จาก web server (ที่ถูก compromised) ไปยัง client โดยผ่านทาง web browser โดยที่จะขึ้น prompt ให้ดาวน์โหลดไฟล์ .eml
4.จาก client ไปยัง web server ( IIS 4.0/5.0 directory traversal vulnerability VU #11677)
5.จาก client ไปยัง web server ผ่านทาง backdoor ที่เปิดไว้โดย Code Red II และ Sadmind/IIS worm
วิธีป้องกัน
1.สำหรับ Internet Explorer version 5.01 or 5.5 without SP2 ให้ติดตั้ง Patch คลิกดาวโหลด เพื่อทำการแก้ไข Bug ของ Outlook Express ที่จะรันไฟล์ที่แนบมากับ จดหมายทีติดไวรัส W32.Nimba โดยอัตโนมัติ
2.สำหรับ Windows NT และ Windows 2000 จะต้องทำการอัพเดต Patch เพื่อแก้ไขบั๊ก ของ IIS server จาก http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms00-078.asp http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/MS01-044.asp
3.ติดตั้งโปรแกรม Antivirus ที่มีความสามารถในการ Scan Web Page ได้เช่น PC-Cillin 2000, Norton Antivirus 2001, McAfee Virus Scan เป็นต้น
4.อัพเดต ฐานข้อมูลของไวรัสอยู่เสมอ
5.ยกเลิกการแชร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์
วิธีแก้ไข ดาวน์โหลดโปรแกรมสำหรับกำจัด
1.หลังจากที่ดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวแล้วให้ดับเบิ้ลคลิกไฟล์ Fixnimda.com และเลือก Clean Share และ Clean Registry Entries
2.กดปุ่ม START เพื่อเริ่มการตรวจสอบและกำจัดไวรัสออกจากระบบ