ภาษาอังกฤษ เขาแบ่ง “voice” กันอย่างไร ซึ่งหลักๆ แล้ว มีแค่ 2 แบบ
Active Voice คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยาโดยตรง โดยมีกรรมมารับหรือไม่มีกรรมมารับประโยคก็ได้
Passive Voice คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ รูปแบบโครงสร้างของ Passive Voice คือ Verb to be + V.3
การเปลี่ยนประโยคบอกเล่า Active Voice เป็น Passive Voice
ให้เอากรรมของประโยค Active Voice มาเป็นประธานในประโยค Passive Voice ถ้าเป็นคำนามไม่ต้องเปลี่ยนรูป แต่ถ้าคำสรรพนามให้เป็นเปลี่ยนเป็นรูปกรรม
ให้เปลี่ยน Verb to be อยู่ใน Tense เดียวกับกริยาหลักของประโยค Active Voice และผันตามประธานในประโยค Passive Voice
กริยาหลักในประโยค Active Voice ควรเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 3
ต่อด้วย by + ประธานในประโยค Active Voice ที่เปลี่ยนรูปกรรม ถ้าเป็นคำนามให้คงรูปเดิม แต่คำสรรพนามให้เปลี่ยนเป็นรูปกรรมก่อน
ตัวอย่างเช่น
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Present Simple ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น is , am , are
เช่น She drinks milk.
Milk is drunk by her.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Present Continuous ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น (is,am,are) + being
เช่น She is eating oranges.
Oranges are being eaten by her.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Present Perfect ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น (has,have) + been
เช่น He has written these letters.
These letters have been written by him.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Past Simple ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น was, were เช่น
Milk was drunk by her.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Past Continouns ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น (was,were) + being
เช่น She was eating oranges.
Oranges were being eaten by her.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Past Perfect ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น had been เช่น
He had written these letters.
These letters had been written by him.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Future Simple ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น (will,shall) + be เช่น
She will do her homework.
Her homework will be doneby her.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Future Continuous ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น
(will,shall) + be + being เช่น
She will be sending a letter.
A letter will be being sent by her.
– กริยาหลักในประโยค Active Voice เป็น Future Perfect ให้ Verb to be ในประโยค Passive Voice เป็น (will,shall) + have + been
เช่น They will have cleaned this room this weekend.
This room will have been cleaned by them this weekend.
การเปลี่ยนประโยคคำถาม Active Voice เป็น Passive Voice
ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย Helping Verb
เปลี่ยนประโยคคำถามเป็นประโยคบอกเล่า
เปลี่ยนประโยคบอกเล่าจาก Active Voice เป็นประโยค Passive Voice
เปลี่ยนประโยคบอกเล่า Passive Voice เป็นประโยคคำถาม โดยใช้ Helping Verb ขึ้นต้นประโยคและตามด้วยประธาน กริยา และส่วนอื่นๆ ต่อไป
ตัวอย่างเช่น
Does she buy this book ?
ขั้น 1 She buys this book.
ขั้น 2 This book is bought by her.
ขั้น 3 Is this book bought by her ? (Passive Voice)
ถ้าประโยคคำถามขึ้นต้นด้วย Question Word
ให้เปลี่ยนประโยคคำถามเป็นประโยคบอกเล่า
ให้เปลี่ยนประโยคบอกเล่า Active Voice เป็นประโยค Passive Voice
ให้เปลี่ยนประโยคบอกเล่า Passive Voice เป็นประโยคคำถาม โดยใช้ Question Word เป็นคำขึ้นต้นประโยคและตามด้วย helping verb ประธาน กริยาและส่วนอื่น ๆ ต่อไป ยกเว้น คำว่า Who ในประโยค Active Voice ให้เปลี่ยนเป็น By whom ในประโยค Passive Voice
เช่น Who sees her ?
ขั้น 1. Who sees her.
ขั้น 2. She is seen by whom.
ขั้น 3. By whom is she seen?
Which car do you buy?
Adjectiveและการเปรียบเทียบ
การเปรียบเทียบของคำคุณศัพท์ เราแบ่งออกเป็น 4 ชนิดด้วยกัน คือ
1. การเปรียบเทียบในสิ่งทีเท่าเทียมกัน
2. การเปรียบเทียบในสิ่งทีสูงกว่ากัน
3. การเปรียบเทียบในสิ่งทีต่ำกว่ากัน
4. การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
1. การเปรียบเทียบในสิ่งที่เท่าเทียมกัน
ในการเปรียบเทียบสิ่งที่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งของ การกระทำ หรือเหตุการณ์ใดๆ ถ้าเรามีอยากบอกว่าแต่ละชนิดนั้นมีความเท่าเทียมกัน ก็สามารถทำได้โดยใช้โครงสร้างนี้คือ
as + คำคุณศัพท์ + as + นาม
ตัวอย่างเช่น
He is as tall as his brother.
(เขาสูงเท่ากับพี่ชายของเขา)
My hands were as cold as ice.
(มือของผมเย็นเยือกเหมือนกับน้ำแข็งแล้ว)
ข้อสังเกต
นอกจากการเปรียบเทียบในลักษณะข้างบนนี้แล้ว ยังมีการเปรียบเทียบที่เรียกว่า “สิ่งที่เหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน (Similarity and Identity)” อีกด้วย และมีใช้ให้เห็นอยู่บ่อยๆ โดยใช้คำเหล่านี้เข้ามาเปรียบเทียบ เช่น
As = เหมือนกับ
Like = เหมือน
So do I = ข้าพเจ้าก็ด้วยเหมือนกัน
Neither do I= ข้าพเจ้าก็ไม่ทั้งสองอย่าง
Too = ด้วยเหมือนกัน
The same = อย่างเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น
You look like your sister.
(คุณดูคล้ายพี่สาวของคุณนะ)
She likes dancing and so do I.
(เธอชอบเต้นรำและผมก็ชอบเหมือนกัน)
She was dressed as a man.
(เธอแต่งตัวเหมือนผู้ชายเลย)
His eyes are just the same color as mine.
(ตาของเขามีสีเดียวกับผมเลย)
ในการเปรียบเทียบในสิ่งที่เท่าเทียมกัน ถ้าอยู่ในรูปปฏิเสธต้องใช้โครงสร้างนี้คือ
not so + คุณศัพท์ขั้นปกติ + as + noun หรือ not as + คุณศัพท์ขั้นปกติ + as + noun
ตัวอย่างเช่น
He is not as (so) successful as his sister.
(เขาไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับพี่สาวของเขาเลยนะ)
2. การเปรียบเทียบในสิ่งที่สูงกว่า
ถ้าเราต้องการจะบอกว่า คนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น มีสิ่งหนึ่งที่สูงกว่าหรือมากกว่า เราอาจเปรียบเทียบได้โดยใช้โครงสร้างนี้
คุณศัพท์ขั้นกว่า + than
ตัวอย่างเช่น
I am much older than her.
(ผมแก่กว่าเธอมาก)
***เราสามารถใช้ much เพื่อขยายการเปรียบเทียบว่ามากกว่ามากได้
ในกรณีที่ต้องการบอกว่ามากกว่านิดเดียว ให้ใช้ a bit แทน
The baby is more attractive than you.
(เด็กเล็กดูน่ารักมากกว่าคุณเสียอีก)
3. การเปรียบเทียบในสิ่งที่ต่ำกว่า
แต่ถ้าต้องการบอกว่าอีกสิ่งหนึ่งด้อยกว่าหรือต่ำกว่า เราเปรียบเทียบได้โดยใช้โครงสร้างนี้
less + คำคุณศัพท์ขั้นปกติ + than
ตัวอย่างเช่น
The baby is less ugly than you.
(เด็กเล็กนั้นขี้เหร่น้อยกว่าคุณเสียอีก)
Uthai is less strong than Winai.
(คุณอุทัยแข็งแรงน้อยกว่าคุณวินัย)
4. การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
และถ้าเราต้องการบอกว่า สิ่งนั้นหรือคนนั้นมีมากที่สุด หรือสูงที่สุด เราจะเปรียบเทียบได้โดยใช้โครงสร้างนี้
the + คำคุณศัพท์ขั้นสูงสุด
ตัวอย่างเช่น
He is the tallest boy in the class.
(เขาเป็นเด็กผู้ชายที่สูงที่สุดในชั้นเรียน)
Jenny is the most beautiful girl in the world.