การเปรียบเทียบที่ว่าบิทคอยน์ใช้พลังงานสูงกว่าประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่งนั้นดูจะไม่ค่อยยุติธรรม เนื่องจากการขุดบิทคอยน์เป็นพื้นฐานของโครงสร้างการชำระเงินที่ปลอดภัยในอนาคต ไม่ใช่การใช้พลังงานในครัวเรือน และถึงยังไงการขุดบิทคอยน์ก็ยังใช้พลังงานน้อยกว่าการเสียบปลั๊กเครื่องชงกาแฟ, โคมไฟ, คอมพิวเตอร์และทีวีทิ้งไว้อยู่ดี” Guy กล่าวถึงข้อสันนิษฐานว่าการขุดบิทคอยน์ใช้พลังงานจำนวนมหาศาล
นอกจากนั้น Guy ยังได้พูดถึงข้อดีของบิทคอยน์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงสร้างของอุตสาหกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิมได้ก่อเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานในบริษัท, ตู้เอทีเอ็ม, เซิร์ฟเวอร์, การขนส่งที่ปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิม ผมว่าสิ่งเหล่านี้และเครื่องพิมพ์เงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เอง ก็ใช้พลังงานจำนวนมากในปัจจุบัน กลับกันคริปโตเคอร์เรนซีไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โครงสร้างเหล่านี้ กฎระเบียบและข้อบังคับทุกอย่างจะอยู่ในโค้ดของมัน นั่นทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นระบบการเงินที่ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าหน่วยงาน NYDFS ได้กลายมาเป็นผู้ออกกฎหมายรายแรก ๆ ในสหรัฐฯที่ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน
โดยทาง NYDFS ได้ออกหนังสือเวียนไปยังสถาบันการเงินที่ถูกเซ็นโดยนาง Linda Lacewell ที่โฟกัสไปยังผลกระทบด้านลบต่อสภาพแวดล้อมที่มีขึ้นจากการขุด cryptocurrency และนั่นอาจเป็นเรื่องไม่ดีต่อการปรับตัวใช้เหรียญคริปโตของนักลงทุนสถาบัน
จดหมายดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ทาง Ripple หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาแผ่ขยายต่อ เนื่องจากว่าพวกเขาเป็นเจ้าของเหรียญ XRP และถือมันเยอะเป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนี้เหรียญดังกล่าวนั้นยังมีความเป็น centralized สูงอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูล https://siamblockchain.com/