Modal Auxiliaries
Modal verbs คือ กริยาช่วย แต่ Modal verbs เป็นกริยาช่วยที่พิเศษนิดนึงตรงที่มันมีความหมายในตัวของมันเอง เพราะโดยปกติแล้วกริยาช่วยจะมีหน้าที่แค่ทำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ด้านไวยากรณ์ แต่จะไม่มีความหมาย แต่ Modal verbs จะแตกต่างออกไปคือ จะมีความหมายในตัวของมันเอง กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ก่อนที่จะไปดูความหมายและการใช้ของแต่ละตัว เรามาดูหลักการใช้ที่มีเหมือนกัน คือ
1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
ถูก He can drive a car.
ผิด He can to drive a car.
Modal verbs คืออะไร
Modal verbs คือ กริยาช่วย แต่ Modal verbs เป็นกริยาช่วยที่พิเศษนิดนึงตรงที่มันมีความหมายในตัวของมันเอง เพราะโดยปกติแล้วกริยาช่วยจะมีหน้าที่แค่ทำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ด้านไวยากรณ์ แต่จะไม่มีความหมาย แต่ Modal verbs จะแตกต่างออกไปคือ จะมีความหมายในตัวของมันเอง กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ก่อนที่จะไปดูความหมายและการใช้ของแต่ละตัว เรามาดูหลักการใช้ที่มีเหมือนกัน คือ
1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
ถูก He can drive a car.
ผิด He can to drive a car
2. ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verbs ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ) เช่น
ถูก Christopher should stop smoking.
ผิด Christopher shoulds stop smoking.
3. Modal verbs ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
ถูก She mustn’t enter here.
ผิด She doesn’t must enter here.
Can/Could
รูปปฏิเสธของ Can คือ Can not (Can’t)
รูปปฏิเสธของ Could คือ Could not (Couldn’t)
– ใช้บอกความสามารถ โดย Can บอกความสามารถในปัจจุบัน Could บอกความสามารถในอดีต
Ex 1. He can fix computers. (เขาสามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ได้)
Ex 2. When I was younger, I could run marathons without a problem. (ตอนฉันเด็ก ๆ ฉันสามารถวิ่งมาราธอนได้โดยไม่มีปัญหา)
– ใช้ถามเพื่อขออนุญาต, ให้การอนุญาตหรือไม่อนุญาต, ร้องขอบางสิ่งบางอย่าง, เสนอการช่วยเหลือ โดย Could มีความสุภาพมากกว่า Can
Ex 1. Can I use this restroom please? (ฉันสามารถใช้ห้องน้ำนี้ได้ไหม?)
Ex 2. Could you fill in these blanks please? (รบกวนช่วยกรอกข้อมูลตรงช่องว่างนี้ได้ไหมคะ?)
Ex 3. Can you help me please? (คุณสามารถช่วยฉันได้ไหม?)
Ex 4. Can I carry your bags for you? (ฉันช่วยถือกระเป๋าให้ไหม?)
Ex 5. You can’t smoke in this room. (คุณสูบบุหรี่ในห้องนี้ไม่ได้)
– ใช้บอกสิ่งที่เป็นไปได้หรือเกิดขึ้น โดย Could บอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มีโครงสร้าง Could + have + past participle (V.3)
Ex 1. It can get very hot there at night. (ตอนกลางคืนมันจะร้อนมาก ๆ)
Ex 2. I could have done it by myself. (ฉันสามารถทำมันได้ด้วยตัวฉันเอง)
Will/Would
รูปปฏิเสธของ Will คือ Will not (Won’t)
รูปปฏิเสธของ Would คือ Would not (Wouldn’t)
– Will ใช้บอกสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต, บอกความตั้งใจ
Ex 1. I will visit Japan next year. (ฉันจะไปญี่ปุ่นปีหน้า)
Ex 2. We will give you this book. (พวกเราจะให้หนังสือเล่มนี้แก่คุณ)
– Would ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอดีต, ใช้ขอร้องอย่างสุภาพ, บอกความต้องการ และใช้ในประโยคเงื่อนไข
Ex 1. I knew that Nid would be successful. (ฉันรู้ว่านิดจะประสบความสำเร็จ)
Ex 2. Would you mind if I asked you to work today? (คุณรังเกียจไหมถ้าฉันจะถามคุณเรื่องงานวันนี้)
Ex 3. Would you like some milk? (คุณต้องการนมไหม?)
Ex 4. If she came, I would go. (ถ้าเธอมาฉันจะไป)
Shall/Should
รูปปฏิเสธของ Shall คือ Shall not (Shan’t)
รูปปฏิเสธของ Should คือ Should not (Shouldn’t)
– Shall ใช้ในการเสนอแนะ ชี้แนะ เสนอความช่วยเหลือ
Ex. Shall I carry your bags for you? (ฉันถือกระเป๋าให้คุณไหม?)
หมายเหตุ: ในปัจจุบันไม่ค่อยใช้ Shall กันแล้ว แต่บางครั้งอาจเจอได้ในการพูดอย่างเป็นทางการ และบางเอกสารทางกฎหมาย สำหรับภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันจะเจอ Shall มากที่สุดในประโยคคำถามยื่นข้อเสนอ หรือเสนอแนะ ชักชวน ว่า Shall I…? / Shall we…?
– Should แปลว่า ควรจะ… ใช้ในการแนะนำ
Ex 1. Should we take a taxi? (พวกเราควรจะขึ้นแท็กซี่นะ?)
Ex 2. I think you should stop smoking. (ฉันคิดว่าคุณควรเลิกสูบบุหรี่นะ)
May/Might
May และ Might แปลว่า อาจจะ สามารถใช้แทนกันได้ แต่ Might จะสื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่า
รูปปฏิเสธของ May คือ May not
รูปปฏิเสธของ Might คือ Might not (Mightn’t)
– ใช้บอกความเป็นไปได้ หรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
Ex. She may be in danger. (เธออาจจะตกอยู่ในอันตราย)
– ใช้ในการให้อนุญาต, ขออนุญาต
Ex 1. May I borrow your phone? (ฉันขอยืมโทรศัพท์คุณได้ไหม?)
Ex 2. You may call me anytime. (คุณโทรหาฉันได้ทุกเวลานะ)
Must
– แปลว่า ต้อง ใช้พูดถึงสิ่งที่ต้องทำ สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้
Ex 1. I must finish my work. (ฉันต้องทำงานให้เสร็จ)
Ex 2. Plants must have light and water to grow. (พืชต้องมีแสงและน้ำเพื่อการเจริญเติบโต)
Ex 3. The show must go on. (ชีวิตต้องดำเนินต่อไป)
– เมื่อเป็นรูปปฏิเสธ Must not (Mustn’t) จะหมายถึง ข้อห้าม, ไม่อนุญาตให้ทำ
Ex. You mustn’t drink that. (คุณห้ามดื่มสิ่งนั้นนะ)
Ought to
Ought to แปลว่า ควรจะ เป็นคำที่คนสมัยก่อนใช้กัน ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยใช้กันแล้ว จะใช้ Should มากกว่า
Ex. We ought to help the poor. = We should help the poor. (เราควรจะช่วยเหลือคนจน)