ร้อยละ 70 ของพื้นผิวโลกถูกปกคลุมด้วยมหาสมุทร ทำให้มหาสมุทรมีผลอย่างมากต่อสภาพภูมิอากาศ เพราะมหาสมุทรสามารถกักเก็บความร้อนไว้ได้ดี แล้วจึงค่อยๆ ปลดปล่อยความร้อนออกมา ทำให้กระแสน้ำในมหาสมุทรสามารถไหลไปยังที่ต่างๆ เป็นระยะทางไกลได้ กระแสน้ำทำให้อุณหภูมิผิวน้ำเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลต่อสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชายฝั่งทะเล ยกตัวอย่างเช่น บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา อุณหภูมิบริเวณดังกล่าวจะได้รับอิทธิพลจากความเย็นของกระแสน้ำแคริฟอร์เนีย ทำให้อากาศไม่ร้อนเกินไปนัก ในทำนองเดียวกัน กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมจะทำให้อุณหภูมิของประเทศอังกฤษไม่หนาวจัดเกินไปนัก
การไหลของกระแสน้ำในมหาสมุทรนั้นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะได้รับอิทธิพลโดยตรงจากลม กระแสลมที่พัดจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูง (จากเขตละติดจูดตอนกลาง) จะขับเคลื่อนกระแสน้ำให้ไหลหมุนเวียนตามเข็มนาฬิกาในบริเวณซีกโลกเหนือ แต่จะไหลทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ กระแสน้ำเย็นจะเกิดขึ้นมากบริเวณตะวันตกของทวีปและกระแสน้ำอุ่นจะเกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทางตะวันออก บริเวณที่กระแสน้ำเย็นหลักไหลผ่าน (เช่น กระแสน้ำเย็นเปรู) มีแนวโน้มที่จะทำให้ฝนลดลง เพราะอากาศเย็นที่อยู่เหนือกระแสเย็นนั้นมีความชื้นน้อยมาก ดังนั้น เมฆฝนจึงไม่ก่อตัวขึ้นบริเวณนี้ ในขณะที่ บริเวณที่มีกระแสน้ำอุ่นหลักไหลผ่าน (เช่น กระแสน้ำกัลฟ์สตรีม) จะมีผลตรงกันข้าม เพราะกระแสน้ำอุ่นทำให้เกิดอุณหภูมิเหนือผิวดินอุ่นขึ้นด้วย ส่งผลให้เกิดสภาพความกดอากาศต่ำ
กระแสน้ำในมหาสมุทร คือ การเคลื่อนที่ของน้ำในมหาสมุทรในลักษณะที่เป็นกระแสธาร มีลักษณะการเคลื่อนที่สม่ำเสมอและไหลต่อเนื่องกันไปในทิศทางที่อาจจะกำหนดได้ ชนิดของกระแสน้ำแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
-
กระแสน้ำอุ่น คือ กระแสน้ำที่มาจากเขตละติจูดต่ำและมีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางขั้วโลก และมักจะมีอุณหภูมิสูงกว่าน้ำที่อยู่โดยรอบ
-
กระแสน้ำเย็น คือ กระแสน้ำที่ไหลมาจากเขตละติจูดสูงเข้ามายังเขตอบอุ่นและเขตร้อนจึงทำให้กระแสน้ำเย็นลงหรืออุณหภูมิต่ำกว่าน้ำที่อยู่โดยรอบ