รังสีอัลตราไวโอเลต ประโยชน์และโทษต่อร่างกาย
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามินดีแล้ว ยังนำมาใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น ด่างขาว สะเก็ดเงิน โรคกระดูกอ่อนในเด็ก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากได้รับรังสียูวีติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ป้องกัน อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายส่วนต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง ดวงตา ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
รังสียูวีแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ตามความยาวคลื่นที่ต่างกัน คือ รังสียูวีเอ (UVA) รังสียูวีบี (UVB) และรังสียูวีซี (UVC)
- รังสียูวีเอ (UVA) มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 320-400 นาโนเมตร และไม่ถูกดูดซับจากชั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก คนเราจึงได้รับรังสีชนิดนี้มากกว่าชนิดอื่น ๆ
- รังสียูวีบี (UVB) มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 290-320 นาโนเมตร ชั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกดูดซับรังสีชนิดนี้ไม่ได้ทั้งหมด ทำให้มีบางส่วนตกลงมายังพื้นโลก
- รังสียูวีซี (UVC) มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 220-290 นาโนเมตร ชั้นบรรยากาศโลกสามารถดูดซับรังสียูวีซีจากธรรมชาติไว้ได้ทั้งหมด รังสีชนิดนี้จึงไม่ตกลงมายังพื้นโลก
ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลต
รังสีอัลตราไวโอเลตอาจเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนต่างหลีกเลี่ยง แต่รู้หรือไม่ว่าหากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะจะให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากกว่าโทษ นอกจากนั้นทางการแพทย์ยังนำรังสีชนิดนี้มาใช้รักษาโรคกระดูกและโรคผิวหนังบางชนิด โดยประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลต มีดังนี้
กระตุ้นการสร้างวิตามินดี รังสียูวีบีมีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายสร้างวิตามินดี ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือด กระดูก และภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหารที่บริโภค การออกมารับแสงแดดในช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นบริเวณที่มีค่าชี้วัดความเข้มของแสงยูวีค่อนข้างสูง จึงควรหลีกเลี่ยงแดดในช่วง 9.00-14.00 น. เพราะจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
รักษาโรคกระดูกและโรคผิวหนังบางชนิด การรรักษาโรคด้วยรังสียูวีควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น 00โรคที่แพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยวิธีนี้ ได้แก่
- โรคด่างขาว เกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผิวถูกทำลายหรือหยุดสร้างเม็ดสีผิว ส่งผลให้ผิวหนังเกิดเป็นรอยด่างสีขาว ซึ่งรักษาได้ด้วย PUVA คือการใช้ยาซอลาเรน ที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวหนังไวต่อรังสียูวี จากนั้นจึงฉายรังสียูวีเอไปที่ผิวหนังผู้ป่วยเพื่อให้กลับมามีสีเข้มขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสเซลล์ (Squamous Cell Carcinoma: SCC) แต่พบได้น้อยในคนไทยเนื่องจากส่วนใหญ่มีผิวคล้ำ
- โรคสะเก็ดเงิน โรคที่คาดว่าเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาดและไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวผิดปกติอย่างรวดเร็ว ร่วมกับมีการอักเสบ ผู้ป่วยจะมีผื่นหนาสีแดงหรือสีเงินขึ้นตามร่างกาย วิธีรักษาหนึ่งที่นำมาใช้ได้คือการฉายรังสียูวีเอร่วมกับการใช้ยาซอลาเรน เช่นเดียวกับโรคด่างขาว
- Lupus Vulgaris คืออาการหนึ่งของการติดเชื้อวัณโรคที่ผิวหนังซึ่งพบได้ไม่บ่อยนักในคนไทย ส่งผลให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นนูนขนาดใหญ่ มักขึ้นตามใบหน้าและลำคอ รักษาได้ด้วยการฉายรังสียูวีบี แต่ในปัจจุบันมักรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นหลัก
- โรคกระดูกอ่อนในเด็ก มักพบในเด็กที่มีอายุ 6 เดือน-3 ปี สาเหตุหลักเกิดจากการขาดวิตามินดี แคลเซียม และฟอสเฟต ทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ และมีลักษณะผิดรูป แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยออกไปรับแสงแดดมากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างวิตามินดี รวมถึงรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี เช่น ปลา ไข่ นม ตับ เป็นต้น
ผลกระทบของรังสีอัลตราไวโอเลตต่อร่างกาย
หากได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
ผลกระทบต่อผิวหนัง ตั้งแต่ปัญหากวนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ผิวคล้ำแดด ริ้วรอย ไปจนถึงอาการแพ้แดด ผิวไหม้จากแดด และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้
- ผิวคล้ำแดด เมื่อผิวหนังสัมผัสกับรังสียูวี ร่างกายจะสร้างเม็ดสีเมลานิน (Malanin) ขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันผิวหนัง ทำให้ผิวมีสีคล้ำขึ้น เนื่องจากยูวีเอจะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีของเซลล์ผิวชั้นนอก ส่งผลให้ผิวคล้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะกลับมาเป็นสีปกติได้ในเวลาไม่นาน ส่วนยูวีบีนั้นไม่ทำให้ผิวคล้ำขึ้นในทันที แต่อาจเกิดขึ้นหลังจากผ่านไปแล้วประมาณ 3 วัน และใช้เวลานานหลายสัปดาห์จึงกลับเป็นปกติ นอกจากนี้ ยูวีบียังส่งผลให้ผิวชั้นหนังกำพร้าหนาขึ้นอีกด้วย
- ผิวไหม้จากแดด เกิดขึ้นเมื่อได้รับรังสียูวีบีในปริมาณสูงจนทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกถูกทำลาย ผู้ที่มีอาการรุนแรง ผิวหนังอาจลอก เป็นแผลพุพอง และรู้สึกเจ็บปวด อีกทั้งเซลล์ผิวหนังที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะไวต่อรังสียูวีและบอบบางกว่าเซลล์ผิวเดิม ส่วนผู้ที่อาการไม่รุนแรงจะมีเพียงผื่นแดงขึ้นบริเวณผิวหนังที่โดนแสงแดดและค่อย ๆ หายเป็นปกติใน 2-3 วัน ทั้งนี้ การมีผิวไหม้จากแดดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย
- ริ้วรอย รังสียูวีเอเดินทางทะลุผ่านผิวหนังชั้นนอกไปยังชั้นหนังแท้ และส่งผลต่อกระทบต่อโครงสร้างของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันได้ ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เป็นต้นเหตุของริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- อาการแพ้แดด เกิดกับผู้ที่ผิวหนังไวต่อรังสียูวี แม้ได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ก่อให้เกิดอาการแพ้คล้ายผิวไหม้ได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากอาหารที่บริโภค เครื่องสำอาง หรือยาบางชนิด เช่น ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาแก้ปวด ยาระงับประสาท ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาเบาหวานชนิดรับประทาน ก่อนใช้ยาใด ๆ จึงควรอ่านฉลากหรือปรึกษาเภสัชกรถึงผลข้างเคียงทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูล https://www.pobpad.com/