เอดิสัน เป็นชาวอเมริกา เกิดเมื่อปี 1847 ที่เมืองมิลาน รัฐโอไฮโอ ตอนเด็กเขาเป็นโรคผื่นแดงและติดเชื้อในหูทำให้มีปัญหาการได้ยินทั้งสองข้างจนเกือบเป็นคนหูหนวก พอมีอายุได้ 7 ปีครอบครัวของเอดิสันที่ธุรกิจซบเซาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองพอร์ตฮูรอน รัฐมิชิแกน เขามีโอกาสเรียนหนังสือในโรงเรียนเพียง 3 เดือน เนื่องจากเขาไม่สนใจ
เนื้อหาในตำราเรียน แต่ไปสนใจในสิ่งต่างๆรอบตัวที่ไม่มีในตำรา เขาจึงเป็นเด็กมีปัญหาในสายตาของคุณครู แม่ของเขาจึงให้ออกจากโรงเรียนและเธอเป็นผู้สอนหนังสือเขาเอง เอดิสันศึกษาด้วยตัวเองด้วยการอ่านหนังสือ เขาสนใจด้านวิทยาศาสตร์และชอบการทดลองเป็นพิเศษ พ่อแม่สนับสนุนเขาโดยสร้างห้องใต้ดินเพื่อให้เอดิสันได้ทำการทดลองต่างๆในหนังสือ และเขาก็ได้ทำการทดลองมากมายในห้องใต้ดินนั้น
ตอนมีอายุ 12 ปีเอดิสันได้งานทำเป็นเด็กขายของบนรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองพอร์ตฮูรอนและเมืองดีทรอยต์ เขาขายหนังสือพิมพ์ ลูกกวาดและผัก เอดิสันได้ใช้ตู้รถไฟตู้หนึ่งเป็นที่พัก เก็บสารเคมี และหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เขามักใช้เวลาว่างส่วนใหญ่อยู่ในห้องพักเพื่ออ่านหนังสือ และทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเอดิสันทำงานเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง เขานำเงินไปซื้อแท่นพิมพ์เล็กๆเครื่องหนึ่ง และผลิตหนังสือพิมพ์ที่มีเขาเป็นเจ้าของบรรณาธิการ นักเขียน และพนักงานขาย ชื่อว่า Grand Trank Herald ซึ่งขายดีทีเดียว เอดิสันนำเงินกำไรที่ได้ไปซื้ออุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ สารเคมี และหนังสือวิทยาศาสตร์ แต่วันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่เขากำลังทำการทดลองรถไฟเกิดกระชากอย่างแรงทำให้แท่งฟอสฟอรัสตกกระแทกพื้น แล้วเกิดระเบิดอย่างแรง ทำให้ไฟไหม้ตู้รถไฟของเขา ถึงจะเกิดความเสียหายไม่มากนักแต่เขาถูกคนคุมขบวนรถไฟตบเข้าที่หูจนหูแทบพิการ พร้อมกับถูกไล่ออกจากงาน
ทอมัส เอดิสัน (ค.ศ. 1847 – 1931) เป็นยอดนักประดิษฐ์คนสำคัญของโลกชาวอเมริกา ผลงานของเขาหลายชิ้นได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนให้เป็นสังคมสมัยใหม่ เอดิสันเป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จด้วยความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร เขาแทบจะไม่เคยได้เรียนหนังสือในโรงเรียน แต่ทำการศึกษาค้นคว้าทดลองด้วยตัวเองตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปั้นปลายของชีวิต เอดิสันสามารถนำเงินที่ได้จากการขายสิทธิบัตรผลงานที่เขาประดิษฐ์ได้ชิ้นแรกมาสร้างโรงงานที่มีห้องปฏิบัติการวิจัยในตัวซึ่งกลายเป็นต้นแบบของโรงงานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ด้วยวัยเพียง
23 ปี
ชะตาชีวิตลิขิตทางเดินของคน วันหนึ่งเอดิสันได้ช่วยชีวิตเด็ก 3 ขวบจากการถูกรถไฟทับ เผอิญเด็กคนนั้นเป็นลูกชายของนายสถานีรถไฟ เขาได้ตอบแทนเอดิสันด้วยการสอนวิธีการส่งโทรเลขจนชำนาญ ทำให้เขาได้งานเป็นคนส่งโทรเลขอยู่นานหลายปี พอมีเวลาว่างเอดิสันก็จะศึกษาและทดลองทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีโทรเลข จนเขามีความรู้ทางวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นอย่างดี
ปี 1866 ขณะอายุ 19 ปี เอดิสันย้ายไปอยู่ที่เมืองลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ทำงานเป็นพนักงานของบริษัท Western Union อยู่ในสำนักข่าว เขาเลือกทำงานกะกลางคืนเพื่อให้มีเวลาเต็มที่สำหรับการศึกษาและการทดลองที่เขาชอบ และมันก็สร้างปัญหาให้กับเขาอีกครั้งจนได้ คืนหนึ่งในปี 1867 เขาทดลองเกี่ยวกับแบตเตอรี่ แล้วทำน้ำกรดหกใส่พื้น มันไหลลงไปที่โต๊ะเจ้านายข้างล่าง วันรุ่งขึ้นเขาถูกไล่ออก เอดิสันจึงต้องพบกับความลำบากไม่มีเงินและไม่มีงานทำ ยังดีที่เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นนักประดิษฐ์ชื่อ Franklin Leonard Pope ให้เขาไปพักและทำงานอยู่ในห้องใต้ดินที่บ้านของเขา ปี 1869 เอดิสันในวัย 22 ปีย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์ก และประสบความสำเร็จกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกคือเครื่องพิมพ์ข้อมูลราคาหุ้นซึ่งขายลิขสิทธิ์ได้เงินมากพอสมควร และทำให้เขาตัดสินใจเลิกทำงานอย่างอื่นมุ่งหน้าเป็นนักประดิษฐ์อย่างเต็มตัว
ปี 1870 เอดิสันสร้างห้องทดลองและโรงงานขนาดเล็กที่เมืองนิวอาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ มีลูกจ้างและช่างหลายคน และเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันในตลาด และประสบความสำเร็จอย่างมากกับการประดิษฐ์เครื่องส่งโทรเลข 4 ทางซึ่งขายได้เงินถึง 10,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินปัจจุบันราว 216,300 ดอลลาร์ เอดิสันนำเงินไปสร้างโรงงานและศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่เมนโลพาร์ก (Menlo Park) รัฐนิวเจอร์ซีย์ และได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่มากมายที่นั่น ทีมงานของเขาจำนวนมากทำงานวิจัยและพัฒนาภายใต้แนวทางและคำสั่งของเขา เอดิสันเคี่่ยวพวกเขาอย่างหนักเพื่อให้ผลิตผลงานออกมา
ปี 1871 อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) สามารถประดิษฐ์โทรศัพท์สำเร็จ ส่งผลให้บริษัทโทรเลขประสบปัญหาขาดทุนอย่างรุนแรง บริษัท Western Union จึงได้ว่าจ้างเอดิสันปรับปรุงโทรศัพท์ของเบลล์ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ปี 1876 เอดิสันได้พัฒนาคาร์บอนไมโครโฟนสำเร็จ จึงใช้หลักการของคาร์บอนไมโครโฟนมาปรับปรุงโทรศัพท์จนสำเร็จในปี 1877 ความรู้จากการปรับปรุงโทรศัพท์ทำให้เอดิสันสามารถประดิษฐ์หีบเสียงซึ่งใช้หลักการเดียวกับโทรศัพท์ได้สำเร็จในปีเดียวกัน จากนั้นไม่นานเขาได้ประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียงสำเร็จอีก ชื่อเสียงของเอดิสันจึงเริ่มโด่งดังพร้อมกับได้รับฉายาพ่อมดแห่งเมนโลพาร์ค
แม้ว่าเอดิสันจะไม่ใช่คนแรกที่ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า แต่เขาเป็นผู้ที่คิดค้นพัฒนาหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานตามบ้านเรือนได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านี้เขายังเป็นผู้สร้างโรงจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เมืองนิวยอร์ก ลากสายไฟฟ้าไปทั่วเมืองให้ทุกคนมีโอกาสใช้ไฟฟ้าอย่างทั่วถึงกัน และส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอดิสันเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียง, เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหว ซึ่งต่อมาเขาได้นำมารวมกันกลายเป็นเครื่องถ่ายทำภาพยนตร์ เขายังเป็นผู้ประดิษฐ์แบตเตอรี่ เครื่องผสมปูนซิเมนต์ และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆอีกนับพันชิ้น เอดิสันมีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ภายใต้ชื่อของเขาเป็นจำนวนถึง 1,093 ชิ้น ก่อตั้งบริษัทด้านไฟฟ้าอีกหลายบริษัทรวมทั้งเจเนอรัลอิเล็กทริก (General Electric) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก
ผลงานเด่น :
– ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า
– ประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียง
– ประดิษฐ์เครื่องถ่ายภาพเคลื่อนไหว
– ประดิษฐ์แบตเตอรี่
วาทะเด็ด :
– “Genius is one percent inspiration and ninety-nine percent perspiration.” → อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ และอีก 99 เปอร์เซ็นต์คือความอุตสาหะ
– “I have not failed. I’ve just found 10,000 ways that won’t work.” → ผมไม่ได้ล้มเหลวนะ ผมเพิ่งจะพบ 10,000 วิธีที่มันใช้ไม่ได้
ขอบคุณ https://www.takieng.com/