มาทำความรู้จักกับ Animation ทั้ง 2 ประเภทกัน ก่อนอื่นเลยเราไปทำความรู้จักกับอักษร D ข้างหลังตัวเลขกันก่อนว่าย่อมาจากอะไร ซึ่งตัวอักษร D นั้นย่อมาจากคำว่า Dimension ที่แปลว่า มิติ นั่นเอง ซึ่งหากกล่าวให้สั้นๆเข้าใจง่ายคือ 2D Animation และ 3D Animation มีสิ่งที่แตกต่างกันเด่นๆหลักๆเลยอยู่ที่มิติของภาพในงาน Animation นั่นเอง
2D Animation คืออะไร
โดย 2D Animation แรกเริ่มเดิมทีเป็นรูปแบบแอนิเมชั่นที่ถูกสร้างขึ้นมานานมากแล้ว ก่อนที่จะมี 3D Animation เกิดขึ้น 2D Animation ในสมัยก่อนเกิดจากการวาดภาพลงบนกระดาษและนำภาพเหล่านั้นมาเรียงต่อกันจนเกินเป็นภาพเคลื่อนไหว ส่วนในปัจจุบันก็คือภาพการ์ตูนที่ถูกสร้างหรือวาดเส้น ลงสีขึ้นมาผ่านโปรแกรมต่างๆหรือบางผู้ผลิตก็อาจยังใช้วิธีการวาดลงบนกระดาษอยู่ แต่ก็อาจนำมาลงสีในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่ง 2D Animation จะถูกวาดบนแนวตั้งและแนวนอน รวมกันเป็นภาพ 2 มิติ ตัวอย่าง 2D Animation ที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบันได้แก่ Animation จากประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เช่นเรื่องที่ดังและได้เข้าฉายในบ้านเราอย่าง Animation เรื่อง Your Name หรือหลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับแอนิเมชั่นเก่าๆจาก Disney อย่าง lion king หรือ tarzan ซึ่งก็เป็น 2D Animation เช่นกัน
3D Animation คืออะไร
ส่วน 3D Animation เกิดขึ้นมาหลังจาก 2D Animation เนื่องจาก 3D Animation จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ผ่านโปรแกรมต่างๆโดยมีมิติที่ถูกเพิ่มเข้าไปอีก 1 มิติคือ แนวลึก และเมื่อมารวมกับมิติทั้งแนวตั้งและแนวนอน ก็จะเกิดเป็น 3D Animation ขึ้น ซึ่งกระบวนการสร้างมักทำขึ้นในโปรแกรมเฉพาะมีการปั้นโมเดล 3D ของตัวการ์ตูนและสิ่งแวดล้อมต่างๆขึ้นมาเพื่อทำการเคลื่อนไหว แต่ 3D Animation ยังคงต้องอาศัยพื้นฐานในการทำ 2D Animation ด้วยเพื่อให้การทำภาพเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆในงาน 3D Animation มีความสวยงามสมจริง ตัวอย่าง 3D Animation ที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบันได้แก่ Animation จาก Disney Pixar หรือ Dreamwork ที่เข้าฉายในบ้านเรามามากมายเช่น Frozen หรือMinion เป็นต้น
เทคนิคการทำ Animation (แอนิเมชั่น) 2D และ 3D ในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน Animation หลายๆ เรื่องก็ได้นำเอาเทคนิคทั้ง 2 รูปแบบมาประยุกต์รวมกันให้เกินความสวยงามและน่าสนใจแปลกตามากขึ้นไปอีกด้วยรวมถึงมีการพัฒนาเทคนิคต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง หรือการนำเทคนิคเก่ามาสร้างสรรค์งาน Animation ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น3D Animation ในรูปแบบของ Stop motion ที่มีการนำโมเดลของตัวละครที่สร้างขึ้นมาจริงๆ อาจจะสร้างขึ้นจากดินน้ำมันหรือวัสดุในการปั้นอื่นๆแล้วนำโมเดลมาขยับที่ละนิดที่ละน้อยแล้วถ่ายภาพการขยับเอาไว้ทีละรูปทีละรูป แล้วจึงนำรูปเหล่านั้นมาเรียงต่อกันจนเกิดเป็นภาพแอนิเมชั่นขึ้น
ถึงแม้ว่าแอนิเมชั่นทั้ง 2 แบบจะมีวิธีการและกระบวนการสร้างที่แตกต่างกัน แต่ก็สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์คล้ายๆกันเพื่อให้ความบันเทิงหรือสื่อสารอะไรบางอย่าง ซึ่งในปัจจุบันงบประมาณในการสร้างแอนิเมชั่นแต่ละแบบนั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับรูปแบบความต้องการที่ต้องการสื่อสารหรือคุณภาพของงานที่ต้องการได้เช่น หากต้องการงาน 2D Animation ที่มีคุณภาพที่สูงก็อาจจะมีงบประมาณในการสร้างพอๆกับ3D Animation ที่คุณภาพไม่สูงมากนัก หรือระยะเวลาในการผลิตผลงานก็ส่งผลต่องบประมาณด้วยเช่นกัน
โดยสรุปแล้ว 2D Animation และ 3D Animation จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุดคือลักษณะของภาพที่แสดงออกมารวมถึงกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่ง Animation ทั้ง 2 แบบ ก็มีเสน่ห์ที่สวยงามและน่าสนใจด้วยกันทั้งสิ้น
ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://mrmeestudio.com/1514-2/
Author: Tuemaster Admin
ทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด !! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม.ปลาย (ม.4, ม.5, ม.6)