รู้ไหม? อะไรทำให้ iPhone สร้างยอดขายทะลุ 2,000 ล้านเครื่องทั่วโลก
ย้อนรอยเส้นทางการเติบโตของ “ไอโฟน” ผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและชีวิตผู้คนทั่วโลก
29 มิ.ย. 2007 คือวันแรกที่ “ไอโฟน (iPhone)” เครื่องแรกออกวางจำหน่ายในโลก ขณะนั้นชนชาวโลกต่างมองไปยังแอปเปิลด้วยสายตาหลากหลาย ทั้งสายตาที่มองมาด้วยความสนใจ สายตาที่คาดหวัง สายตาที่กังขา และสายตาที่ไม่เชื่อถือ
แม้จะมีการต้อนรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ และผู้วิจารณ์ แต่แม้กระทั่งผู้ที่มองโลกในแง่ดีที่สุดก็คงคาดไม่ถึงว่า ไอโฟนจะ “มาไกล” ขนาดนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของ “อิมแพกต์” ที่ไอโฟนมีต่อชีวิตของผู้คนทั่วโลกและต่อธุรกิจของแอปเปิลเอง
ช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ไอโฟนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนมองว่าเป็น “ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์” โดยมันได้เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนสื่อสาร ถ่ายภาพ และบริโภคสื่อดิจิทัล
นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก ไอโฟนสร้างยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 50 ล้านล้านบาท) ทำให้แอปเปิลเกือบจะเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดและมีมูลค่าสูงสุดตลอดกาล
ในแง่ของยอดขาย ไอโฟนเพียงอย่างเดียวตอนนี้มียอดขายมากกว่าบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแบรนด์ เช่น ไนกี้ โคคา-โคล่า หรือแมคโดนัลด์
หลังจากเริ่มต้นอย่างช้า ๆ ในปีที่วางจำหน่าย ในปีต่อมาแอปเปิลก็มีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น โดยประมาณ 9% ของสมาร์ทโฟนทั่วโลกในปี 2008 ผลิตโดยแอปเปิล
นักวิเคราะห์ประเมินว่า มีเหตุการณ์สำคัญอยู่ 4-5 เหตุการณ์ที่ช่วยผลักดันการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของแอปเปิลในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
เหตุการณ์แรกคือการเปิดตัวของไอโฟนรุ่นแรกรุ่นดั้งเดิม เพราะหากไม่มีก้าวเริ่มต้นก้าวแรก ก็ย่อมไม่มีก้าวของความสำเร็จก้าวอื่น ๆ ตามมา โดยในช่วง 3 ปีแรกของไอโฟน แอปเปิลสามารถมีที่ยืนในส่วนแบ่งตลาดสมารืทโฟนได้สูงถึงเกือบ 15%
ปัจจุบัน iPhone มียอดขายมากกว่า 2 พันล้านเครื่อง Horace Dediu จาก Asymco รายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน iPhone กว่า 1,000 ล้านราย โดยครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 60% ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผลมาจาก ผู้ใช้งาน Android มีแนวโน้มย้ายมาใช้ iPhone สูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มของผู้ใช้ iPhone ที่จะเปลี่ยนไปใช้ Android ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้งาน iPhone เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากผลสำรวจ ชาวสหรัฐมากกว่า 14% ที่เปลี่ยนมาใช้ iPhone ภายในช่วงเวลา 2 ปี
นอกจากนโยบาย Trade In ฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone รุ่นใหม่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าของ iPhone รุ่นเก่า ต้องการอัพเกรดเป็น iPhone รุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น iPhone 13 ที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพกล้อง และโหมดภาพยนตร์
Apple ไม่เพียงสร้างสร้างยอดขาย iPhone ให้ทะลุ 2,000 ล้านเครื่องเท่านั้น แต่ยังทำให้ iPhone ได้รับส่วนแบ่งการตลาดในตลาดสำคัญๆ อีกด้วย
1. เครื่องเดียวใช้ได้ยาวๆ
ใครที่ไม่อยากเปลี่ยนมือถือบ่อยๆ iPhone คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะ Apple สนับสนุนซอฟต์แวร์อัปเดตให้ iPhone ทุกรุ่นอย่างสม่ำเสมอนานถึง 6 ปี อย่างล่าสุด iPhone 6s ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 ก็ยังได้อัปเดต iOS 15 พร้อมๆ กันกับรุ่นใหม่อย่าง iPhone 12 เพราะฉะนั้น iPhone ที่คุณซื้อจะทำหน้าที่ของมันไปได้อีกนาน
2. ใช้งานง่าย ไม่ต้องเรียนรู้เยอะ
แม้จะเป็นมือถือเหมือนกัน แต่ iPhone จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ต่างจากมือถือ Android พอสมควร เพราะมือถือ Android มีจุดเด่นอยู่ที่ความยืดหยุ่นของตัวระบบที่ปรับแต่งได้มาก แต่ iPhone จะเน้นไปที่ความง่ายในการใช้งาน โดยหน้าอินเตอร์เฟซ และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ได้รับการออกแบบมาให้คนทั่วไปเข้าถึงง่ายที่สุด ผู้ใช้ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก และไม่จำเป็นต้องไปปรับแต่งอะไรให้วุ่นวาย เปรียบได้กับบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน แม้คุณจะขยับเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ แต่มันก็ได้ถูกวางแผนมาอย่างดีแล้วว่าแต่ละชิ้นควรจะอยู่ตรงไหน
3. เลือกง่าย ไม่ต้องคิดมาก
สำหรับคนทั่วไปที่ต้องการแค่มือถือดีๆ สักเครื่อง และไม่มีความรู้เรื่องมือถือมาก่อน iPhone คือทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะคุณสามารถมั่นใจได้ว่า iPhone จะเป็นมือถือที่ดีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบและวัสดุที่พรีเมียม และสเปกภายในที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีรุ่นให้เลือกน้อย จึงไม่ต้องเปรียบเทียบความแตกต่างอะไรมากนัก สิ่งที่คุณต้องคิดจริงๆ มีเพียงแค่ราคาเท่านั้น เพราะฉะนั้น ต่อให้อ่านสเปกมือถือไม่เป็นเลย อย่างน้อยๆ ถ้าเลือกซื้อ iPhone ก็มั่นใจได้ว่าจะได้มือถือดีๆ มาใช้ ไม่ผิดหวังแน่นอน
4. เคสและอุปกรณ์เสริมหาง่าย
เคสและอุปกรณ์เสริมของ iPhone มีให้เลือกเยอะมาก (ทั้งของแท้และของปลอม) แถมยังหาซื้อง่ายเพราะมีขายแทบทุกร้าน ในทางกลับกัน สมาร์ทโฟน Android ที่ไม่ใช่เรือธงจะหาเคสและอุปกรณ์เสริมตรงรุ่นยากมาก เว้นแต่ว่าจะเป็นรุ่นที่ฮิตจริงๆ เพราะมือถือ Android มีรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวออกมาตลอด หากจะทำเคสออกมาขายให้ครบทุกรุ่นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แถมส่วนใหญ่ยังตกรุ่นเร็ว
5. ขายต่อราคาดี
ปกติแล้วโทรศัพท์มือถือมือสองจะมีราคาที่ถูกกว่ามือหนึ่งมาก แม้สภาพเครื่องจะดีแค่ไหน เมื่อกลายเป็นมือสองราคาจะร่วงทันที 30% หรือมากกว่านั้น แต่ iPhone จะมีราคามือสองที่ดีกว่ามือถือ Android พอสมควร ตัวอย่างเช่น iPhone 12 (64GB) ที่เปิดตัวมาแล้ว 1 ปี มีราคามือสองอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท จากราคาเปิดตัว 29,900 บาท ในขณะที่ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G ที่เปิดตัวในปีเดียวกัน ปัจจุบันมีราคามือสองเหลืออยู่ที่ประมาณ 23,000 บาทเท่านั้น จากราคาเปิดตัว 42,900 บาท เรียกได้ว่าราคาร่วงไปแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ยิ่งถ้าไม่ใช่มือถือเรือธงก็จะยิ่งมีราคาถูกลงไปอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกหากใครจะขาย iPhone เครื่องเก่า แล้วซื้อเครื่องใหม่ได้ทุกปีครับ
6. ซื้อตกรุ่นก็ยังคุ้ม
iPhone เป็นมือถือที่มีสเปกสูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะชิปเซ็ตประมวลผลที่เร็วและแรงแซงหน้าฝั่ง Android มาโดยตลอด ดังนั้นต่อให้คุณซื้อ iPhone ที่ตกรุ่นลงมาสักปีสองปี มันก็ยังคงแรงอยู่ดี สามารถเอาไปดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม และทำงานได้แบบไม่ติดขัด แทบไม่ต่างจากรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ๆ แถมราคาตัวเครื่องกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็ยังถูกกว่าด้วย
7. Ecosystem สุดแกร่ง
หากคุณเป็นคนที่ทำงานบนอุปกรณ์หลายอย่าง และต้องการให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ iPhone คือสมาร์ทโฟนที่คุณต้องการ เพราะ iPhone จะเป็นกุญแจไขประตูไปสู่จักรวาล ecosystem ของ Apple นั่นคือ iPad, MacBook, iMac, iCloud และอื่นๆ อีกมากมายในเครือของ Apple ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันได้ตั้งแต่แรก จึงทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อเสมือนว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกันและกัน เช่น ปลดล็อกเครื่อง Mac อัตโนมัติเมื่อมี Apple Watch อยู่ใกล้ๆ, เชื่อมต่อ iPad กับ Mac เสมือนเป็นจอเสริม สามารถลากและโยนไฟล์ข้ามไปมาได้ทันทีด้วยการใช้เมาส์, ฉายภาพ หรือสไลด์ Keynote จาก iPhone ขึ้นอุปกรณ์อื่นที่มีจอใหญ่กว่าได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้สาย และใช้ Mac รับสายที่โทรเข้ามาใน iPhone เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล https://www.thaimobilecenter.com/
https://www.pptvhd36.com/
และ https://www.flashfly.net/