สรุปภาษาอังกฤษ การใช้ if clause
If Clause คืออะไร
Conditional sentences หรือ If Clause คือ ประโยคเงื่อนไขหรือส่วนที่เป็นเหตุการณ์สมมติ โดยหลักๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็นรูปประโยค 3 ชนิดด้วยกัน ดังนี้
1. Real Conditional
เป็นประโยคแสดงเงื่อนไขที่สามารถเป็นความจริงได้ หรือแสดงเงื่อนไขที่เป็นไปได้ ในปัจจุบันหรืออนาคต โครงสร้างรูปประโยคก็คือ
if + present simple, will-future
if + present simple, will-future เช่น If you read, you will pass the exam.
ถ้าคุณอ่านหนังสือ คุณก็จะสอบผ่าน
If I have time, I will help you.
ถ้าผมมีเวลาพอ ผมจะช่วยคุณเอง
If Bob tidies up the kitchen, Anita will clean the toilet.
2. Unreal Condition – Present
เป็นประโยคแสดงเงื่อนไขที่ไม่สามารถเป็นความจริง หรือเงื่อนไขที่ไม่สามารถเป็นไปได้ (อาจจะใช้เป็นการแนะนำ) โครงสร้างรูปประโยคก็คือ
if + simple past, would + infinitive
if + simple past, would + infinitive เช่น If I were rich, my life would change completely.
ถ้าผมรวย ชีวิตของผมจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ (I เป็นประธานเอกพจน์ตัวเดียวที่ต้องใช้ were ในประโยค If clause)
If I were you, I would go to the doctor.
ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไปหาหมอ (ในความเป็นจริงเราไม่สามารถเป็นคนอื่นได้ ประโยคนี้จึงเหมือนเป็นการแนะนำมากกว่า)
If I owned a lonely island, I would build a huge house by the beach.
ถ้าฉันเป็นเจ้าของเกาะส่วนตัวสักแห่ง ฉันจะสร้างบ้านหลังโตๆใกล้กับชายหาด
3. Unreal Condition – Past
เป็นประโยคแสดงเงื่อนไขในอดีต ที่ไม่สามารถเป็นจริงได้เลยในปัจจุบัน และเงื่อนไขนั้นตรงข้ามกันกับความจริงที่เกิดขึ้นในอดีตด้วย โครงสร้างรูปประโยคก็คือ
if + past perfect, would have + past participle
if + past perfect, would have + past participle เช่น If it had been a home game, our team would have won the match.
ถ้าเราได้แข่งในบ้านของเรา ทีมของพวกเราต้องชนะแน่ๆ (แต่ความเป็นจริงทีมของพวกเราแพ้ไปแล้ว)
They would not have gone to the theater by car if the weather had been better.
พวกเขาจะไม่ขับรถไปโรงละครแน่ๆ หากอากาศดีขึ้นกว่านี้
If John had learned more words, he would have written a good report.
ถ้าจอห์นเรียนรู้คำศัพท์มากกว่านี้ เขาจะเขียนรายงานได้ดีขึ้น (ตอนนี้เขาเขียนรายงานได้ไม่ดี)