เทคนิคคิดเลขเร็ว
ต่อไปนี้คือเทคนิคคิดเลขเร็วที่คุณสามารถนำไปใช้ได้:
- ฝึกฝนบ่อย ๆ : ยิ่งคุณฝึกฝนบ่อยเท่าไหร่ คุณก็จะคิดเลขเร็วขึ้นเท่านั้น คุณสามารถฝึกฝนโดยการเล่นเกมคิดเลขเร็ว ฝึกท่องสูตรคณิตศาสตร์ หรือแม้แต่คิดเลขในชีวิตประจำวัน
- ใช้เทคนิคการคิดลัด : มีเทคนิคการคิดลัดมากมายที่คุณสามารถใช้ได้เพื่อคิดเลขเร็วขึ้น เช่น การใช้นิ้ว การใช้ปากกาขีดเส้น หรือแม้แต่การคิดในใจ
- เข้าใจหลักการคณิตศาสตร์ : ยิ่งคุณเข้าใจหลักการคณิตศาสตร์มากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถคิดเลขได้เร็วขึ้นเท่านั้น คุณสามารถเรียนรู้หลักการคณิตศาสตร์จากหนังสือเรียน ครู หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต
- มีสมาธิ : สมาธิเป็นสิ่งสำคัญในการคิดเลขเร็ว เมื่อคุณมีสมาธิ คุณจะสามารถจดจ่อกับโจทย์ได้ และสามารถคิดเลขได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- ไม่ท้อแท้ : การฝึกคิดเลขเร็วต้องใช้ความพยายามและเวลา หากคุณท้อแท้ คุณจะไม่สามารถพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็วได้ จงอดทนและฝึกฝนต่อไป คุณจะสามารถคิดเลขเร็วได้อย่างแน่นอน
ต่อไปนี้คือตัวอย่างเทคนิคการคิดลัดที่คุณสามารถใช้ได้:
- การบวกเลขสองหลัก : คุณสามารถบวกเลขสองหลักได้อย่างรวดเร็วโดยการบวกตัวเลขในหลักหน่วยก่อน แล้วบวกตัวเลขในหลักสิบตาม
- การลบเลขสองหลัก : คุณสามารถลบเลขสองหลักได้อย่างรวดเร็วโดยการลบตัวเลขในหลักหน่วยก่อน แล้วลบตัวเลขในหลักสิบตาม
- การคูณเลขสองหลัก : คุณสามารถคูณเลขสองหลักได้อย่างรวดเร็วโดยการคูณตัวเลขในหลักหน่วยก่อน แล้วคูณตัวเลขในหลักสิบตาม
- การหารเลขสองหลัก : คุณสามารถหารเลขสองหลักได้อย่างรวดเร็วโดยการหารตัวเลขในหลักหน่วยก่อน แล้วหารตัวเลขในหลักสิบตาม
คุณสามารถหาเทคนิคการคิดลัดอื่น ๆ อีกมากมายได้จากหนังสือเรียน ครู หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต
ต่อไปนี้คือสูตรลัดคิดเลขเร็วที่คุณสามารถนำไปใช้ได้:
- บวก:
- ตัวเลขที่เท่ากันให้บวกกันได้เลย เช่น 5 + 5 = 10
- ตัวเลขที่ต่างกันให้บวกกันทีละหลัก เช่น 3 + 7 = 10
- ลบ:
- ตัวเลขที่ใหญ่กว่าให้ลบตัวเลขที่เล็กกว่า เช่น 10 – 5 = 5
- ตัวเลขที่เล็กกว่าให้บวกตัวเลขที่ใหญ่กว่าด้วยจำนวนลบ เช่น 5 – 10 = -5
- คูณ:
- ตัวเลขที่เท่ากันให้คูณกันได้เลย เช่น 5 x 5 = 25
- ตัวเลขที่ต่างกันให้คูณกันทีละหลัก เช่น 3 x 7 = 21
- หาร:
- ตัวเลขที่ใหญ่กว่าให้หารตัวเลขที่เล็กกว่า เช่น 10 / 5 = 2
- ตัวเลขที่เล็กกว่าให้คูณตัวเลขที่ใหญ่กว่าด้วยจำนวนลบ เช่น 5 / 10 = -0.5
นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เทคนิคอื่น ๆ ในการคิดเลขเร็ว เช่น การใช้นิ้ว การใช้ปากกาขีดเส้น หรือการคิดในใจ
การฝึกฝนบ่อย ๆ จะช่วยให้คุณคิดเลขเร็วขึ้นได้
1.จดจำตารางสำเร็จรูปให้ได้เพื่อการคำนวณที่รวดเร็วขึ้น
ค่าการหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการคิดเลขในใจ เพราะบางครั้งการหารก็ไม่ลงตัวและทำให้เหลือเป็นเลขเศษส่วนหรือทศนิยม ซึ่งหากเราจดจำตารางค่าการหารที่ใช้บ่อยได้ เราก็จะสามารถตอบโจทย์ง่าย ๆ ที่อาจจะซ่อนอยู่ในโจทย์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งช่วยให้การทำโจทย์ข้อนั้น ๆ เร็วขึ้นได้ โดยค่าการหารที่ใช้บ่อยและควรจดจำมีดังนี้
เลขเศษส่วน | เลขทศนิยม | เปอร์เซ็นต์ |
1/2 | 0.5 | 50% |
1/3 | 0.333… | 33.333% |
2/3 | 0.666… | 66.666% |
1/4 | 0.25 | 25% |
3/4 | 0.75 | 75% |
1/5 | 0.2 | 20% |
2/5 | 0.4 | 40% |
3/5 | 0.6 | 60% |
4/5 | 0.8 | 80% |
1/6 | 0.1666… | 16.666…% |
5/6 | 0.8333… | 83.333…% |
2. เรียนรู้เคล็ดลับการคูณ
– เคล็ดลับที่ง่ายและชัดเจนที่สุดสำหรับการคูณก็คือ จำนวนใด ๆ ที่คูณด้วย 10 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับจำนวนนั้น ๆ เติมศูนย์ที่ท้ายจำนวน เช่น 78×10 = 780 หรือ 32×10 = 320
– จำนวนใด ๆ ที่คูณด้วย 5 จะได้คำตอบเป็นจำนวนที่ลงท้ายด้วยเลข 0 หรือ 5 เสมอ
– การคูณจำนวนใด ๆ ด้วย 5 เราสามารถหาคำตอบอย่างง่ายได้โดยคูณจำนวนนั้นด้วย 10 ก่อน แล้วจึงนำมาหาร 2 เช่น 5×612 = 6120/2 = 3060
3. จดจำตัวเลขยกกำลัง
ในการคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์หลาย ๆ ข้อ มักมีเลขยกกำลังเข้ามาเกี่ยวข้อง และมันเป็นความคิดที่ดีที่คุณจะจดจำตัวเลขยกกำลังในแบบสำเร็จรูปเพื่อการคำนวณที่รวดเร็วขึ้น เช่น 23×22 หากเราจำได้ว่าเลขยกกำลังสองของ 23 เท่ากับ 529 เราก็สามารถนำ 529 – 23 ได้เลย ซึ่งคำตอบจะได้เป็น 506
จำนวน | เลขยกกำลังสอง |
1 | 1 |
2 | 4 |
3 | 9 |
4 | 16 |
5 | 25 |
6 | 36 |
7 | 49 |
8 | 64 |
9 | 81 |
10 | 100 |
11 | 121 |
12 | 144 |
13 | 169 |
14 | 196 |
15 | 225 |
16 | 256 |
17 | 289 |
18 | 324 |
19 | 361 |
20 | 400 |
21 | 441 |
22 | 484 |
23 | 529 |
24 | 576 |
25 | 625 |
4. ทำให้ปัญหาใหญ่แตกออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
ในโจทย์ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยตัวเลขมากกว่า 1 จำนวน เราสามารถแยกตัวเลขเหล่านั้นออกมาเป็นหลายจำนวนได้โดยให้อยู่ในรูปที่คำนวณง่ายขึ้น เช่น จำนวนใด ๆ คูณด้วย 12 จะเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนนั้น 10 เท่าบวกกับจำนวนนั้นคูณด้วย 2 เช่น 6×12 สามารถแยกได้เป็น (6×10)+(6×2)= 60+12 = 72 หรือ 6x(12+23) สามารถแยกได้เป็น (6×12)+(6×20)+(6×3) = 72+120+18 = 210 จะสังเกตได้ว่าเราสามารถนำกฎการบวก การลบ การคูณ และการหาร มาใช้เพื่อให้สามารถคำนวณตัวเลขรวดเร็วขึ้นได้