ไฟฟ้าขนาดเล็ก
“การค้นพบไฟฟ้าครั้งแรกของโลก” นักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันว่า ทาลีส (Thales) นักปรัชญาของชาวกรีกโบราณ เป็นผู้ค้นพบไฟฟ้าคนแรกของโลก เมื่อประมาณ 600 ปีก่อนคริสตกาล ทาลีสค้นพบว่า เมื่อได้นำแท่งอำพันถูกับผ้าขนสัตว์ และนำไปวางใกล้เศษไม้ หรือวัตถุชิ้นเล็กๆ เศษไม้เหล่านั้นจะเคลื่อนที่เข้าหาแท่งอำพัน พลังงานที่ดึงดูดวัตถุนั้นของแท่งอำพัน ในปัจจุบันนี้เรารู้จักกันในชื่อว่า ไฟฟ้าสถิต (Static Electricity)
ไฟฟ้าในอากาศ
ปี ค.ศ.1747 เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) ได้ค้นพบ ไฟฟ้าในอากาศ จากการทดลองของเขา แฟรงคลินได้ทำการทดลองโดยการนำว่าวที่ทำจากผ้าแพร และมีเหล็กแหลมติดอยู่ด้วย พร้อมทั้งมีผูกลูกกุญแจไว้กับสายป่านของว่าว พอถึงวันที่มีฝนตกฟ้าคะนอง แฟรงคลินได้รีบนำว่าวของเขาขึ้นฟ้า
เมื่อสายป่านของว่าวเปียกปรากฏว่า มีประจุไฟฟ้าส่งผ่านเชือกมาสู่ลูกกุญแจ เขาลองเอาเศษหญ้าแห้งจ่อลูกกุญแจนั้นผลปรากฏว่าเกิดประจุไฟฟ้าไหลเข้าสู่มือของเขา จากการค้นพบนี้นำไปสู่การประดิษฐ์ สายล่อฟ้า เพื่อระบายประจุไฟฟ้าในอากาศไม่ทำให้เกิดความเสียหายจากฟ้าผ่า
ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
มาถึงปี ค.ศ. 1790 อเลสซานโดร โวลตา (Alessandro Volta) นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียนได้ค้นพบ ไฟฟ้าจากปฏิกิริยาเคมี จากการนำเอา ทองแดงกับสังกะสี จุ่มในน้ำยาเคมี พบว่าโลหะทั้งสองชนิดทำปฏิกิริยากันกับทำยาเคมีทำให้เกิดไฟฟ้าขึ้น ซึ่งการทดลองนี้ทำไปสู่การผลิตเป็น เซลล์แห้ง แบบ ถ่านไฟฉาย และเซลล์เปียก ที่เรียกกันว่า แบตเตอรี่ ซึ่งสิ่งประดิษฐ์นี้มีความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าไว้ใช้งานภายหลังได้ นับได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลกอีกอย่างหนึ่งได้เลย
ไฟฟ้าในปัจจุบัน
ไฟฟ้า (Electriccity) นับว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้แล้วในชีวิตประจำวันของมนุษย์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แทบทุกอย่างในปัจจุบัน ล้วนแต่อาศัยพลังงานจากไฟฟ้าทั้งสิ้น ด้วยมันสมองของบรรดานักวิทยาศาสตร์ในสมัยต่างๆที่ได้ค้นพบเกี่ยวกับไฟฟ้า และยังสามารถเปลี่ยนไฟฟ้าไปเป็นพลังงานในรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยการดำเนินชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายขึ้น ไฟฟ้าเองนับว่าเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่สามาถพบได้แม้ในอากาศ อยู่ที่ว่าเราจะนำมันมาใช้ได้อย่างไร
ในสมัยแรก ๆ มนุษย์รู้ว่า ไฟฟ้าเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่านับเป็นเวลานาน ที่มนุษย์ไม่สามารถให้คำอธิบายความเป็นไปที่แท้จริงของไฟฟ้า ที่ดูเหมือนว่าวิ่งลงมาจากฟ้าและมีอำนาจในการทำลายได้ จนกระทั่งมนุษย์สามารถประดิษฐ์สายล่อฟ้าไว้ป้องกันฟ้าผ่าได้ ในเวลาต่อมา 2500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ชนพวกติวตัน ที่อาศัยอยู่แถบฝั่งแซมแลนด์ของทะเล บอลติกในปรัสเซียตะวันออก ได้พบหินสีเหลืองชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็จะมีประกายคล้ายทองคุณสมบัติพิเศษของมันคือเมื่อโยนลงในกองไฟมันจะสุกสว่างและติดไฟได้เรียกกันว่าอำพันซึ่งเกิดจากการทับถมของยางไม้เป็นเวลานาน ๆ อำพันถูกนำมาเป็นเครื่องประดับและหวี เมื่อนำแท่งอำพันมาถูด้วยขนสัตว์ จะเกิดประกายไฟขึ้นได้ และเมื่อหวีผมด้วยหวีที่ทำจากอำพันก็จะมีเสียงดังอย่างลึกลับ และหวีจะดูดเส้นผม เหมือนว่าภายในอำพันมีแรงลึกลับอย่างหนึ่งซ่อนอยู่
เมื่อก่อนคริสต์ศักราช 600 ปี ทาลีส (Thales) นักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกได้ค้นพบไฟฟ้าขึ้นกล่าวคือเมื่อเขาได้นำ เอาแท่งอำพันถูกับผ้าขนสัตว์ แท่งอำพัน จะมีอำนาจดูดสิ่งของต่าง ๆ ที่เบา ได้ เช่น เส้นผมเศษกระดาษ เศษผง เป็นต้น
เขาจึงให้ชื่ออำนาจ นี้ว่า ไฟฟ้า หรือ อิเล็กตรอน (Electron)ซึ่งมาจาก ภาษา กรีกว่า อีเล็กตร้า (Elektra)ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2143 (ค.ศ. 1600 ) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ ดร.วิลเลี่ยม กิลเบิร์ต (William Gilbert)
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2280 (ค.ศ. 1747) เบนจามิน แฟรงคลิน(BenjaminFranklin)นักวิทยาศาสตร์ ชาวอเมริกันได้ค้นพบไฟฟ้าในอากาศขึ้น โดยการทดลองนำว่าวซึ่งมีกุญแจผูกติดอยู่กับสายป่านขึ้นในอากาศขณะที่เกิดพายุฝน เขาพบว่าเมื่อเอามือไปใกล้กุญแจก็ปรากฏประกายไฟฟ้ามายังมือของเขาจากการทดลองนี้ทำให้เขาค้นพบเกี่ยวกับปรากฏการณ์ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า ซึ่งเกิดจากประจุไฟฟ้าในอากาศ นับตั้งแต่นั้นมาแฟรงคลินก็สามารถประดิษฐ์สายล่อฟ้าได้เป็นคนแรกโดยเอาโลหะต่อไว้กับยอดหอคอยที่สูง ๆ แล้วต่อสายลวดลงมายังดิน ซึ่งเป็นการป้องกันฟ้าผ่าได้กล่าวคือไฟฟ้าจากอากาศ จะไหล เข้าสู่โลหะที่ต่ออยู่กับยอดหอคอยแล้วไหลลงมาตามสายลวดที่ต่อเอาไว้ลงสู่ดินหมดโดยไม่เป็นอันตรายต่อคนหรืออาคารบ้านเรือน
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2333 (ค.ศ. 1790) วอลตา (Volta) นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียนได้ค้นพบไฟฟ้าที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี โดยนำเอาวัตถุต่างกันสองชนิด เช่น ทองแดงกับสังกะสีจุ่มในน้ำยาเคมี เช่นกรดีกำมะถันหรือกรดซัลฟิวริก โลหะสองชนิดจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับน้ำยาเคมีทำให้เกิดไฟฟ้าขึ้นได้เรียกการทดลองนี้ว่า วอลเทอิก เซลล์ (Voltaic Cell)ซึ่งต่อมาภายหลังวิวัฒนาการมาเป็น เซลล์แห้ง หรือถ่านไฟฉาย และเซลล์เปียก
พ.ศ. 2374 (ค.ศ. 1831) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday)ได้ค้นพบไฟฟ้า
ที่เกิดจากอำนาจแม่เหล็ก โดยนำขดลวดเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวดซึ่ง
ต่อมาภายหลังได้ถูก นำมาประดิษฐ์เป็น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขึ้น
พ.ศ. 2420 – 2430 (ค.ศ.1877-1887) นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas A. Edison) ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าขึ้นสำเร็จเป็นคนแรก และยังได้ประดิษฐ์อุปกรณ์์ไฟฟ้าอื่น ๆ อีกหลาย