1. and (และ) ใช้เชื่อมกลุ่มของคำนาม (nouns), คำคุณศัพท์ (adjective คำกริยาวิเศษ (adverbs), คำกริยา (verbs) หรือเชื่อมประโยค (clauses) เข้าด้วย โดย and จะเชื่อมคำชนิดเดียวกัน ที่มีความคล้อยตามกันเข้าด้วยกัน เช่น
I wrote the letter to Ladda and Somsri.
ผมได้เขียนจดหมายถึงลัดดาและสมศรี (เชื่อมคำนาม)
I’ll give you a cup of coffee and biscuit.
ผมจะเอากาแฟให้คุณ 1 ถ้วย พร้อมด้วยขนม
They and I are classmates.
พวกเขาและผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน (เชื่อมคำสรรพนาม)
A and B
2. ถ้าคำที่ and เชื่อมมีเกิน 2 คำ ให้วาง and ไว้หน้าคำหลังสุด เช่น
We drank, talked and danced.
พวกเราดื่ม, พูดคุยและเต้นรำกัน (เชื่อมคำกริยา)
I felt hot, tired and thirsty.
ผมรู้สึกร้อน เหนื่อยและกระหายน้ำด้วย (เชื่อมคำคุณศัพท์)
A, B, C and D
3. ใช้ and กับคำกริยา 2 คำ โดยมากจะนำคำกริยาที่สั้นที่สุดวางไว้หน้า and และนำคำกริยาที่ยาวกว่าวางไว้หลัง and เช่น
young and pretty สาวและสวย
cup and saucer ถ้วยและจานรองถ้วย
ข้อยกเว้น : คำบางคำที่เป็นกฎเฉพาะตายตัวไม่ต้องเอาคำสั้นขึ้นก่อน ก็ได้ เช่น
knife and fork มีดและซ่อม
bread and butter ขนมปังทาเนย
4. ห้ามวาง and ไว้ระหว่างคำคุณศัพท์ (adjectives) ที่วางอยู่หน้าคำนาม เช่น
Thank you for your nice long letter.
ขอบคุณสำหรับจดหมายของคุณ
ห้ามใช้ : Thank you for your nice and long letter.
ข้อยกเว้น : ใช้ and เชื่อมได้เมื่อ adjectives เหล่านั้นกล่าวถึงสิ่งเดียวกัน แต่เป็นคนละส่วนกัน เช่น
red and yellow pen
5. ใช้ and เชื่อมคำ adverbs ได้ เช่น
They walk up and down smiling.
พวกเขาเดินยิ้มขึ้นไปและลงมา
6. ในภาษาพูด and สามารถวางไว้หลัง try หรือ wait ได้เลย โดยไม่ต้องมี to infinitive (to+v1 ) เช่น
I’ll try to get a newspaper.
หรือ I’ll try and get a newspaper.
ผมจะพยายามรับหนังสือพิมพ์
Try to eat something.
หรือ Try and eat something.
พยายามทานอะไรสักอย่าง
What’s for breakfast? Wait and see.
มีอาหารอะไรทานเช้านี้ คอยดูก่อน
7. ใช้ and เชื่อม clauses (ประโยค) เข้าด้วยกัน เช่น
I came here in 1880 and I have resided here ever since.
ผมมาที่นี่ในปี 1880 และได้ตั้งรกรากที่นี่ตั้งแต่นั้นมา
8. but วางไว้หลัง all, none, every, any, no, everything, everywhere, anyone, nothing, nobody, anywhere เป็นต้น จะมีความหมายว่า “นอกจาก, เว้นแต่” เช่น
I eat nothing but snacks
ผมไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากขนมหวาน
Everybody is shouting but Somsri.
ทุกคนต่างร้องตะโกน ยกเว้นสมศรี (ไม่ร้อง)
9. ใช้ คำสรรพนาม (pronouns) ที่แสดงความเป็นกรรม (him, her, me, them, you) วางไว้หลัง but เช่น
Nobody but him would come to pay for it.
ไม่มีใครมาจ่ายหรอก นอกจากเขา
10. ใช้คำกริยา (verb) ที่ไม่ต้องมี infinitive to วางไว้หลัง but เช่น
We do nothing but play football.
พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเล่นฟุตบอล
สรุป นอกจาก BUT และ OR
เรามีการยกตัวอย่างเพิ่มเติม
ประกอบไปด้วย FOR, AND, NOR, BUT, OR, YET, SO
1.FOR – Reason บอกเหตุผลสิ่งที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างการใช้ for
ตัวอย่าง Mesa is studying at an International school, for she wants to be a doctor.
แปลว่า เมษากำลังเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เพราะเขาผู้หญิงต้องการเป็นคุณหมอ
คำอธิบาย for (เพราะ) แสดงความเป็นเหตุ เขาต้องการเป็นหมอ ส่งผลให้เขาเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติไงละ
Ex. Fans love to watch Anna, for she dances beautifully.
2. AND – Addition / conjunctions การเพิ่มเติมข้อมูลหรือเป็นคำเชื่อมในประโยค
ตัวอย่างการใช้ and
ตัวอย่าง Mesa and Malee are studying at an International school.
แปลว่า เมษาและมาลีกำลังเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง
คำอธิบาย and (และ) ใช้เชื่อมประโยคที่สอดคล้องกัน คือทั้งเมษาและมาลี เรียนที่เดียวกันนะจ๊ะ
Ex. She is a graceful dancer, and people enjoy watching her.
3.NOR – (Not or) ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ตรงกันข้ามกับคำว่า OR
4.BUT – contrast ตรงกันข้าม ขัดแย้งกัน
ตัวอย่างการใช้ but
ตัวอย่าง Malee is confident, but Mesa is diffident.
แปลว่า มาลีเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แต่เป็นเมษาเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง
คำอธิบาย but (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกัน ความหมายตรงข้ามกัน อะไรทำนองนั่น
Ex. Her technique is unconventional, but the effect is striking.
5.OR – option / alternative เป็นตัวเลือกทางใดทางหนึ่ง
ตัวอย่างการใช้ or
ตัวอย่าง Mesa wants to be a doctor or nurse.
แปลว่า เมษาต้องการจะเป็นคุณหมอหรือนางพยาบาล
คำอธิบาย or (หรือ) ใช้เชื่อมประโยคที่ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาล
Ex. She can fill an audience with joy, or she can bring people to tears.
6.YET – Concession ยินยอม ยอมรับกับสิ่งนั้นๆ มีความหมายเหมือนคำว่า “แต่”
ตัวอย่างการใช้ yet
ตัวอย่าง Malee is weird, yet she is intelligent.
แปลว่า มาลีเป็นแปลก แต่เขาก็เป็นคนฉลาดนะ
คำอธิบาย yet (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกันเหมือน but (แต่) มาลีดูเพี้ยนๆก็จริง แต่กลับฉลาดได้อีก
Ex. Other dancers try to imitate her style, yet they have not succeeded.
(นักเต้นคนอื่นๆพยายามลอกเลียนแบบการเต้นของเธอ แต่พวกเขาก็ยังทำไม่สำเร็จ )
7.SO – Result ใช้บอกผลที่เกิดจากเหตุการณ์ก่อนหน้า
ตัวอย่างการใช้ so
ตัวอย่าง Mesa wants to be a doctor, so she tries to improve her English skill.
แปลว่า เมษาต้องการจะเป็นคุณหมอ ดังนั้นเขาผู้หญิงจึงพยายามที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเขา
คำอธิบาย so (ดังนั้น) ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงเหตุผลกัน อยากเป็นหมอ เลยต้องฝึกภาษาไว้นะตะเอง