ออกกำลังกายตอนเช้าแค่ไม่กี่นาที วิจัยเผยลดไขมันได้ดีกว่า
1) เพิ่มระบบการเผาผลาญที่ยอดเยี่ยม
เพราะร่างกายของคนเรามีอัตราการเผาผลาญในแต่ละช่วงของวันที่ไม่เท่ากัน อ้างอิงได้จากงานวิจัยของ Midwest Exercise Trail 2 ที่ระบุไว้ว่า คนที่ตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยงในระยะเวลานาน 10 เดือน เกือบทุกคนสามารถลดน้ำหนักตัวลงได้สำเร็จ และมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักตัวได้มากกว่าคนที่ออกตอนบ่ายหรือหัวค่ำ
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็เพราะในช่วงบ่าย-ค่ำ เป็นเวลาที่ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนมากกว่าการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้น้อยลงกว่าตอนเช้านั่นเอง
2) ลดความอยากอาหารได้ดี
ก็ถือเป็นเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมมากๆ สำหรับสาวกที่ชอบกินจุบกินจิบ เพราะปกติในช่วงเช้าของวันเรามักจะไม่หิว และถ้าเราเลือกที่จะออกกำลังกายตอนเช้าเสริมเข้าไปด้วยในคราวเดียวกันก็จะยิ่งช่วยลดความอยากอาหารลงไปได้อีกเยอะ
ซึ่งต่างจากช่วงเวลาออกกำลังกายยอดฮิตอย่างตอนเย็น ที่มักจะทำให้เรารู้สึกโหยหาอาหารจากการใช้พลังงานมาตลอดทั้งวัน และถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ในเวลานั้น รับรองว่า การออกกำลังกายในทุกๆ วันจะทำไปเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมจากบุฟเฟต์มื้อค่ำอย่างแน่นอน
ะมีเทคนิคอะไรที่คุณสามารถเอาไปปรับใช้ได้บ้างนั้น ลองไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
1. เลือกรูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสม
ต้องเข้าใจก่อนนะว่า ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการพักผ่อนในเวลากลางคืน ทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ไม่เต็มที่และมีโอกาสบาดเจ็บได้ง่าย
ดังนั้น รูปแบบการออกกำลังกายในช่วงนี้ของวันจึงต้องเป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยวอร์มร่างกายให้อบอุ่นก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ใช้กล้ามเนื้อนานพอสมควร รวมถึงเปิดโอกาสให้หัวใจและปอดได้ทำความเคยชินกับการออกกำลังกายตอนเช้ามาขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างรูปแบบการออกกำลังกายตอนเช้าที่เหมาะสม เช่น การทำคาร์ดิโอ (Cardiovascular), Burn Fat หรือ Burn Calorie เช่น การทำแอโรบิก, การวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ เป็นต้น
2. ดูระยะเวลาให้เหมาะสม
เรื่องของ ‘เวลา’ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ เพราะหลายคนไม่สามารถรักษาสมดุลด้านเวลาให้พาตัวเองมาออกกำลังกายในตอนเช้าได้
แต่ถ้าเราอยากมีหุ่นสวย สุขภาพดี การลากตัวเองออกมาจากเตียงเพื่อออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด โดยเราควรตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ ซึ่งในแต่ละครั้งควรใช้ระยะเวลาออกติดต่อกันประมาณ 30 นาทีจึงจะถึงจุดที่ระบบร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด
แต่ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ก็อย่าเพิ่งรีบโหมออกหนักจนเกินไป เราควรจะเริ่มต้นออกกำลังกายเบาๆ แค่ 10 นาทีต่อวัน เพื่อลดการบาดเจ็บและให้ร่างกายได้คุ้นชินกับอาการปวดเมื่อยต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเลิกออกกำลังกายกันมานักต่อนักเสียก่อน
หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาการออกกำลังให้มากขึ้นตามความสามารถของร่างกายจนกว่าจะออกแบบต่อเนื่องได้ถึง 30 นาที
3. อย่าลืมควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate)
สำหรับใครที่เป็นสายออกกำลังกายแบบคาร์อิโอต้องอย่าลืมควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพราะร่างกายของเราก็เหมือนกับเครื่องยนต์ หากใช้งานหนักมากจนเกินไปอาจทำให้อาการบาดเจ็บหรือเลยเถิดไปจนถึงขั้นหน้ามืดหรือเป็นลมไปเลยก็ได้
ส่วนหลักการควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสมรรถภาพร่างกาย ช่วงวัยและปัญหาทางสุขภาพของแต่ละคน ซึ่งแบ่งระดับความหนักได้ตั้งแต่ 40-100% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดต่อนาที แต่สำหรับคนที่อยากออกลำลังกายเพื่อสุขภาพและหุ่นที่ดีควรจะคุมให้ Heart Rate อยู่ที่ระหว่าง 60-90% ถึงจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดีที่สุด
ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://www.cigna.co.th/